หลังจากที่รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ทำให้กติกาการเลือกตั้งเริ่มชัดเจน โดยสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. ให้มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) 2564 เพื่อเสนอข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 131(1) ของรัฐธรรมนูญ และได้นำร่างกฎหมายดังกล่าว เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต. www.ect.go.th พร้อมจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. โดยส่งความคิดเห็นที่มีต่อร่างกฎหมายดังกล่าวได้ 4 ช่องทาง คือ ยื่นด้วยตัวเอง ณ สำนักงานกกต.ยื่นทางไปรษณีย์ ทาง Email : [email protected] หรือทางโทรสาร หมายเลข 0-2143-7662-3 ภายในวันที่ 9 ธ.ค.64

โดยมีสำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ฉบับของ กกต.ดังกล่าว ได้เพิ่มเติมสาระสำคัญให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2560 นั่นคือ การแก้ไขระบบการเลือกตั้ง โดยให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวน ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เป็นต้น  ส่วนบรรดาพรรคการเมืองก็เริ่มเดินหน้า ชงร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ คือร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง รองรับกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เป็นเกมชิงไหวชิงพริบให้พรรคตัวเองให้ได้เปรียบมากที่สุด 

แต่ที่ลือสะพัดในขณะนี้คือการ ยุบสภา ก่อนกฎหมายลูก 2 ฉบับเสร็จ เพราะดูจากสภาพตอนนี้ สะบักสะบอมซวนเซหลายเรื่อง ทั้งมรสุมโควิด-19 ปมร้อนเศรษฐกิจ คนตกงาน และที่สำคัญเรื่อง ปากท้องประชาชน ที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในการน็อคทุกรัฐบาลมาแล้ว

ขณะที่มือกฎหมายอย่าง นายวิษณุ เครืองาม รองนายรัฐมนตรี ออกมาบอกถึงไทม์ไลน์คร่าวๆของกฎหมายลูก 2 ฉบับ ว่า “เคยคิดไทม์ไลน์ว่ากฎหมายลูกจะมีการประกาศใช้ช่วงเดือน ก.ค.2565 เพราะคิดว่าเปิดสภาสมัยวิสามัญช่วงเดือน เม.ย.2565 จากนั้นก็ทูลเกล้าฯถวาย กรอบเวลา 90 วัน จะอยู่ที่ประมาณเดือน ก.ค. นี่คือการคิดเวลายาวที่สุดไว้ก่อน แต่ถ้าโปรดเกล้าฯลงมาก่อน กรอบเวลาก็จะเร็วขึ้น เคยบอกใน ครม.ว่าถ้ากฎหมายลูกประกาศใช้ จะมีการกดดันให้ยุบสภา รัฐบาลต้องเตรียมรับมือทางการเมืองเอง”

แต่ก็ชัดเจนจากปากของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศชัด “ไม่ยุบสภา” เพราะยังมีภารกิจสำคัญที่ประเทศไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation – APEC) ปี 2565 ที่จะมีการประชุมระดับผู้นำประเทศ ในเดือน พ.ย.65 เท่ากับว่าเหลือเวลาอีก 1 ปี

แต่สิ่งที่ “บิ๊กตู่” ต้องพึงระวังคือ เกมเวทีในสภาผู้แทนราษฎร ที่จะกลายเป็นตัวดิสเครดิต ทำลายวิกฤตศรัทธาของรัฐบาล จากปัญหา องค์ประชุมสภา เพราะถ้าต้องเจอพรรคฝ่ายค้านเห็นจุดอ่อน เสนอนับองค์ประชุมบ่อยๆ แล้วเกิดปัญหาสภาล่ม หรือประธานในที่ประชุมต้องชิงปิดประชุมหนีปัญหาสภาล่มซ้ำซาก 

ซึ่ง “บิ๊กตู่” ก็รู้ปัญหาเวทีสภาคือ จุดอ่อน ถึงกับกำชับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นห่วงเรื่อง “สภาล่ม” เช่นเดียวกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องมากำชับลูกพรรคในการประชุมพรรคด้วยตัวเอง เพราะหวั่นว่า “ถ้าองค์ล่มบ่อยๆ… ก็จะโดนบอกให้ยุบสภา”

ดังนั้นอย่าให้ปัญหาสภาล่มเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ ที่กลายมาเป็น จุดอ่อน” ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองแบบไม่คาดฝัน!!