เวลา 11.00 น. วันที่ 18 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงถึงประเด็นเรื่องเหมืองทองอัครา ว่า ตนฟังทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เป็นความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ที่จะนำไปดำเนินการต่อไปในหลายเรื่อง ซึ่งสิ่งสำคัญจะต้องเริ่มต้นที่ความเข้าใจก่อนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาจากอะไร ภายหลังจากมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติประกอบกิจการเมืองแร่ พ.ศ.2560 มีบริษัทเอกชนที่สนใจทำเหมืองได้ขอใบอนุญาตใหม่ และขอต่อใบอนุญาตเดิมกว่า 100 ราย ก็มีสิทธิที่ได้รับใบอนุญาตและเป็นไปในลักษณะของคณะกรรมการพิจารณา ซึ่งบริษัทเมืองทอง อัครา จำกัด ก็เป็นบริษัทหนึ่ง แต่มีคดีความฟ้องร้องกับรัฐบาลไทย ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดสิทธิที่จะเดินเรื่องต่อขอใบอนุญาต และมีการทำตามขั้นตอนเหมือนบริษัทอื่นๆ และไม่ได้เป็นไปในลักษณะการแลกเปลี่ยนกับรัฐบาลทั้งสิ้นและรัฐบาลไม่ได้ตั้งเงื่อนไขใดๆ เป็นไปตามกฏหมายทุกขั้นตอน และถ้าตนจะถูกตีความว่า การต่อใบอนุญาตดังกล่าวเป็นการยกทรัพยากรธรรมชาติและยกสมบัติของชาติให้กับบริษัทเอกชนตามอำเภอใจ ข้อกล่าวหานี้เป็นการกล่าวหาตั้งแต่รัฐบาลในยุคนั้น หรือเป็นข้อกล่าวหาที่ขัดต่อนโยบายการทำเหมืองตั้งแต่อดีตที่ผูกพันมาจนถึงปัจจุบัน ตนก็พยายามจะแก้ไขปัญหา เพื่อทำให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้าให้ได้ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ย้ำว่าการดำเนินการของรัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นหลัก และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ต้องการทำเหมือง หรือยึดเหมืองมาเป็นของรัฐ อาจจะมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เพียงแต่ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบหรือกฎหมายตามพระราชบัญญัติเหมืองแร่ฉบับใหม่ให้ถูกต้อง ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการ จึงขอให้การอภิปรายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ และคำถามหลายข้อเกิดจากการอนุมานของผู้อภิปรายเอง ที่พยายามจะบิดเบือนให้ประชาชนเห็นว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจริง และตนได้ตอบคำถามในการอภิปรายทุกครั้ง แต่ผู้อภิปรายไม่ได้ตั้งใจฟัง

“ผมขอแค่สภาฯ เป็นสถานที่ที่รับฟังรับข้อเสนอแนะ ผมพร้อมจะฟังทุกท่าน หากท่านหวังเพียงว่าจะเอาตีรัฐบาลจะล้มรัฐบาล และให้ผมออกให้ได้ ผมว่าไม่ถูก ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน หน้าที่ของท่านคือไปเข้ากระบวนการ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา เห็นมีการยื่นใบลาออก เก็บไว้ให้ตัวเองเถอะ ผมยังไม่ลาออกอะไรทั้งนั้น” นายกฯ กล่าว.