เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม 

โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายเรื่องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ว่า จากรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ทิป รีพอร์ต ประจำปี 2564 ที่จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ลดระดับให้ประเทศไทยอยู่ในบัญชีกลุ่มประเทศต้องถูกเฝ้าระวัง (เทียร์ 2 วอทช์ลิสต์) พร้อมระบุว่ามีการลักลอบขนคนข้ามชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมา มีการเรียกเก็บเงิน 10,000-70,000 บาท โดยขบวนการเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบางคนได้รับประโยชน์ด้วย แม้ประเทศเราได้เคยมีความพยายามปราบปรามการค้ามนุษย์ และมีจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดครั้งใหญ่ คือกรณีการค้าชาวโรฮิงญาเมื่อปี 2557 มีการเรียกเก็บเงินจากชาวโรฮิงญาหัวละหลายหมื่นบาท จับยัดใส่ประมงแล้วส่งเข้ามาในไทย มีการขังและทรมานคนเหล่านี้ 

สำหรับคดีดังกล่าวมี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในขณะนั้น เป็นผู้รับผิดชอบคดี ซึ่งพล.ต.ต.ปวีณได้สืบสาวไปถึงนักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจ และทหารหลายนาย ทำให้ประเทศไทยได้รับการเลื่อนระดับในเรื่องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า แต่พล.ต.ต.ปวีณกลับมีชะตากรรมที่ต้องลี้ภัย และ 6 ปีต่อมา ไทยถูกลดระดับกลับมาอยู่ในอยู่ในบัญชีกลุ่มประเทศต้องถูกเฝ้าระวัง ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปวีณได้ให้การแก่รัฐบาลออสเตรเลียเพื่อใช้ในการยื่นคำร้องขอลี้ภัยในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งระบุว่า ตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ค. 2558 พล.ต.ต.ปวีณได้ถูกมอบหมายให้ทำคดีนี้

โดยเริ่มต้นด้วยการตามหาตัวพยานสำคัญคนหนึ่ง แต่ถูกตำรวจที่รับผิดชอบไม่ให้ข้อมูล ทำให้พล.ต.ต.ปวีณต้องไปตามหาพยานเอง ต่อมามีการค้นบ้านกลุ่มผู้ต้องหาใน จ.ระนอง ที่มี พ.ต.อ. “อ” เป็นหัวหน้าชุด พบหลักฐานการโอนเงินให้ขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งมีผู้ลงชื่อในสลิปการโอนเงินหลายคน อาทิ นางจันทรา ปั้งซวด หรือ เจ๊ง้อ ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่ใน จ.ระนอง โดยปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้ว และยังเป็นผู้ที่มีสายสัมพันธ์ไปถึงอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่อยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบันด้วย

ทั้งนี้ ลูกสาวของนางจันทราเพิ่งถูกจับที่ จ.นนทบุรี เมื่อเดือน ส.ค. 2564 ซึ่งน่าแปลกที่คดีนี้ผ่านมา 6 ปีแล้ว เพิ่งมาจับได้หลังจากไทยถูกลดระดับมาอยู่ในบัญชี 2 กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง จึงต้องมาเร่งทำผลงาน  อีกทั้งยังมี พล.ท.มนัส คงแป้น ลงชื่อในสลิปการโอนเงินด้วย มีรายการทำธุรกรรมวงเงิน 14 ล้านบาท นำไปสู่การดำเนินคดี พล.ท.มนัส

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พล.ต.ต.ปวีณยังเจอปัญหาที่ตำรวจขัดขวางการสืบสวนสอบสวนและปิดบังพยานหลักฐานต่างๆ จึงอยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติในตอนนั้น เคยรู้เรื่องนี้หรือไม่ 

ต่อมาเมื่อมีการจับกุม ได้มีคนมาทยอยมอบตัว โดยมี นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ยอมมอบตัว แต่เลือกไปมอบตัวกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ในตอนนั้น ขณะที่ พล.ท.มนัส หลังถูกออกหมายจับไม่กี่วัน ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากนายตำรวจคนสนิทคนหนึ่งของพล.อ.ประวิตร ที่อ้างว่า พล.อ.ประวิตร ต้องการเห็น พล.ท.มนัส ถูกปล่อยตัว ทำให้ พล.ท.มนัส ไปที่กรุงเทพฯ เพื่อมอบตัวกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ในขณะนั้น แต่เมื่อ พล.ท.มนัสทราบว่า พนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว จึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอก

แต่พล.ท.มนัส ยังข่มขู่พยานสำคัญ และพล.ต.ต.ปวีณ ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ปวีณ ยังถูกกดดันจากทหารและตำรวจด้วยกัน แต่พล.ต.ต.ปวีณ ยังออกหมายจับนายทหารบกอีก 3 นาย ทหารเรือ 1 นาย แต่ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้เก็บหมายจับทหารไว้ จึงใช้วิธีส่งหมายไปให้กองทัพแบบเงียบๆ และท้ายที่สุด ทีมสอบสวนของ พล.ต.ต.ปวีณ สามารถสรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุด และออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 153 คน ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษแล้ว 75 คน

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต่อมา เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2558 ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุม ได้อนุมัติให้ย้าย พล.ต.ต.ปวีณ จากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 ไปรักษาราชการอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทำให้ พล.ต.ต.ปวีณ มีความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งต่อการถูกเอาคืน ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปวีณ เคยพยายามขอผู้บังคับบัญชาและนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนคำสั่งย้าย แต่ถูก ผบ.ตร.ในตอนนั้นและนายกฯ ปฏิเสธ ทำให้ พล.ต.ต.ปวีณ ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2558 เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปวีณ คือผู้ที่จริงจังที่สุดในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ แม้ถูกขัดขวาง ถูกข่มขู่ ก็ยังยืนยันเอาผิดกับคนที่กระทำผิดต่อไป และสิ่งที่เขาทำมันช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของประเทศได้จริง และช่วยให้อีกหลายๆ คนไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ในอนาคต คนแบบนี้ต้องส่งเสริมให้ได้ดิบได้ดี ได้เกษียณอายุราชการอย่างสงบสุข  แต่ภายใต้รัฐบาลนี้ คนแบบนี้กลับต้องลี้ภัย ต้องตายในทางหน้าที่การงาน อย่างนั้นใช่หรือไม่ ขณะที่ผู้ค้ามนุษย์ตัวจริงยังวนเวียนอยู่ในทำเนียบรัฐบาล อยู่ในกระทรวง หรืออาจกำลังอยู่ในสภาขณะนี้

“นี่คือปัญหาของรัฐบาลนี้ที่ยังธำรงไว้ซึ่งระบบที่ทำลายล้างคนซื่อสัตย์ ทำลายล้างคนตรงไปตรงมา ทำลายล้างคนที่กล้าสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้ประเทศนี้ดียิ่งขึ้น เปลี่ยนคนทำดีให้หันมาประพฤติชั่ว เปลี่ยนคนกล้าให้กลัวหัวหด ระบอบปรสิตเช่นนี้ถ้าไม่รีบเอาออก ถ้าไม่รีบเอารัฐบาลที่สนับสนุนมันออก มันจะกัดกินทั้งคนทำงานและประชาชนทุกคนจนไม่เหลือชิ้นดี ดังนั้นผมขอฝากถึงประชาชน ผู้ประกอบการเอกชนทั้งหลาย หากพวกท่านรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้เลิกสนับสนุนรัฐบาล ขอให้เลิกเลี้ยงดูรัฐบาลนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว