เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ กพอ. ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบ Video Conference โดยในกำหนดการมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าร่วมการประชุมด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงหมายกะทันหัน จากเดิมที่นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมที่ตึกภักดีบดินทร์ ซึ่งโดยปกติจะมีผู้สื่อข่าวดักรอสัมภาษณ์ที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างตึกไทยคู่ฟ้าและตึกภักดีบดินทร์ แต่ได้มีการเปลี่ยนเป็นประชุมบนตึกไทยคู่ฟ้าแทน

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แจ้งเปลี่ยนภารกิจจากเดิม ที่จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารบูรณาการ แผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ทั่วประเทศ ครั้งที่ 1/2565 มีการประชุม ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยเปลี่ยนเป็นการประชุมผ่านระบบ VDO Conference ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด แทนเช่นเดียวกัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปลี่ยนสถานที่ประชุมของนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอะไรและไม่ได้ต้องการหลีกเลี่ยงการพบกับสื่อมวลชน ซึ่งตนได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีถึงบรรยากาศการร่วมรับประทานอาหารกับพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) เป็นเพียงการพูดคุยและทานข้าวปกติ บรรยากาศเป็นไปด้วยดี

ส่วนประเด็นฝ่ายค้านระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมรับประทานอาหารเย็นกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเพียงการเช็กเสียงสนับสนุนรัฐบาลนั้น นายธนกร กล่าวว่า ไม่อยากให้คิดว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำในสิ่งเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยชอบทำ ส.ส.คนไหนสนับสนุนแกนนำมุ้งคนไหนบ้าง ยืนยันว่าการรับประทานอาหารครั้งนี้เป็นการทานข้าวตามปกติ เป็นการหารือการทำงานที่เป็นบรรยากาศนอกสถานที่ เพราะหัวหน้าพรรคร่วม เลขาธิการพรรคก็เป็นรัฐมนตรี ที่สำคัญเสียงสนับสนุนมั่นคงอยู่แล้วเพราะทำงานกันมาหลายปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเช็กเสียง

นายธนกร ยังกล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเมินพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคเล็กจะช่วยเทเสียงให้พรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อโหวตคว่ำรัฐบาลว่า ฝ่ายค้านโหมโรงรายวัน เหมือนกลัวว่าฝ่ายค้านจะหายไปจากพื้นที่สื่อ ทั้ง ๆ ที่จนถึงขณะนี้ยังระบุไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ และประเด็นอะไรบ้าง

“เชื่อว่าข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านคงจะไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก โดยจะกล่าวหาว่า รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด มีการทุจริตคอร์รัปชั่น มีการแสวงหาผลประโยชน์ เหมือนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถระบุให้ชัดเจนได้ว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านกล่าวหานั้น มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงอะไรมารองรับบ้าง นอกจากใช้โวหารเพียงอย่างเดียว ท้ายที่สุดฝ่ายค้านก็ถูกประชาชนไม่ไว้วางใจในการทำหน้าที่เสียเอง” โฆษกรัฐบาล กล่าว