ในปี 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ประกาศว่าจะเป็นปีแห่งการแก้ไขปัญหาหนี้ประชาชนคนไทย แต่ระหว่างที่รัฐบาลเดินหน้าหาวิธีแก้ไขปัญหาหนี้ ตัวเราเองก็ควรหาหนทางจัดการหนี้ด้วยตนเองก่อน

วิธีแก้หนี้ด้วยตนเอง ไม่ได้ยากอะไร เพียงแค่เริ่มสำรวจหนี้ว่าตนเองมีหนี้เป็นอย่างไร โดยมี 6 สิ่งที่ต้องสำรวจ ดังนี้

1.ประเภทของหนี้ เช่น หนี้บ้าน หนี้รถยนต์ หนี้รถจักรยานยนต์ หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้ผ่อนชำระสินค้า เงินยืมคนรู้จัก หนี้นอกระบบ

2.หลักประกันสินเชื่อ หรือสินทรัพย์เช่าซื้อ เช่น เงินสด สลากออมทรัพย์ บ้าน อาคาร ที่ดิน รถยนต์

3.เจ้าหนี้ เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล บริษัทลีสซิ่งเช่าซื้อ เจ้าหนี้นอกระบบ หรือผู้ให้ยืมเงิน เช่น ญาติ เพื่อน เพื่อให้ง่ายต่อการหาข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ หรือการหาข้อมูลเพื่อติดต่อขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากมาตรการหรือเงื่อนไขในการช่วยเหลือ ลูกหนี้ของแต่ละสถาบันการเงินอาจมีความแตกต่างกัน ส่วนเจ้าหนี้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบสถาบันการเงิน ต้องบันทึกไว้เพื่อกันลืมเพื่อจะได้ขอเจรจาหรือวางแผนจัดการหนี้สินต่อไป

4.ยอดหนี้คงเหลือทั้งหมด

5.อัตราดอกเบี้ย สามารถดูได้จากสัญญาการกู้ หรือใบแจ้งหนี้ที่ระบุอัตราดอกเบี้ย และตรวจสอบให้เป็นหน่วยเดียวกันเพื่อให้สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เช่น เปอร์เซ็นต์ต่อปี

6.จำนวนเงินที่ผ่อนชำระต่อเดือน เพื่อให้ได้เห็นภาระการผ่อนหนี้ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน ซึ่งจำนวนเงินที่ผ่อนชำระในแต่ละเดือนยังสามารถนำไปเป็นข้อมูลประกอบการคำนวณจำนวนเงินออมเผื่อฉุกเฉินหรือใช้เพื่อจัดทำแผนใช้เงินได้

เมื่อสำรวจหนี้ของตนเองแล้วว่ามีมากน้อยแค่ไหน และลักษณะหนี้เป็นอย่างไร จากนั้นก็เริ่มจัดลำดับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของตนเองตามลำดับความเร่งด่วน โดยมีวิธีแก้หนี้ คือ

1) หนี้ระยะสั้น เช่น หนี้สินที่มียอดคงเหลือน้อย หรือมีดอกเบี้ยสูง โดยหนี้เหล่านี้อาจแก้ไขได้โดยเลือกปิดหนี้ เพื่อลดภาระด้านดอกเบี้ยส่วนนี้ให้หมดไป หรือการขายทรัพย์สินมาโปะหรือปิดหนี้ เพื่อให้เรามีกำลังใจในการจัดการหนี้ได้อีกด้วย

2) หนี้ระยะยาว เช่น หนี้สินที่มียอดคงเหลือมาก มีระยะเวลาผ่อนชำระนาน ไม่สามารถขายทรัพย์สินเพื่อมาโปะหรือปิดหนี้ได้ เช่น หนี้เช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ หนี้ที่อยู่อาศัย ควรหาทางเจรจาเจ้าหนี้สถาบันการเงิน เพื่อแก้หนี้ให้ได้ผลอย่างการขอลดดอกเบี้ย ลดค่างวด ให้ได้มีโอกาสผ่อนจ่ายรายเดือนเท่าที่ไหว หรือหาเงินมาตัดหนี้เงินต้น เพื่อให้หนี้หมดเร็วขึ้น

ดังนั้นเมื่อได้ทำการสำรวจหนี้ด้วยตนเองแล้ว และจัดลำดับแก้หนี้ระยะสั้น-ระยะยาว จนรู้วิธีหาทางแก้ไขหนี้ เพื่อจุดมุ่งหมาย คือ นำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหนี้ให้หมดได้ด้วยตนเอง

(ข้อมูลจาก : ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย)