นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) เปิดเผยว่า ตามที่ภาครัฐเตรียมปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลโดยจะปล่อยให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ภายในวันที่ 1 พ.ค.65 นั้น ผู้ประกอบการรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถ 30) หรือรถเช่าเหมาที่มีรถทั้งหมด 40,000 คันทั่วประเทศ จะเตรียมปรับขึ้นค่าขนส่งเพิ่มอีก 20% ทันที เพื่อให้เป็นไปตามสถานการณ์น้ำมันดีเซลในปัจจุบัน และสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เช่น ปัจจุบันผู้เช่าเช่ารถประมาณวันละ 10,000 บาทต่อคัน จะเพิ่มอีก 20% หรือ 2,000 บาทต่อคันต่อวัน รวมเป็นต้องจ่ายราคา 12,000 บาทต่อคันต่อวัน

ซึ่งการปรับขึ้นค่าขนส่งครั้งนี้ จะปรับขึ้นทั้งรถเช่าเหมาที่ให้บริการรับส่งพนักงานไปยังโรงงานต่างๆ ที่มีอยู่ประมาณ 3,000-5,000 คัน และรถเช่าเหมาที่ใช้ในภาคการท่องเที่ยว 15,000-17,000 คัน รวมแล้วให้บริการทั้งหมดประมาณ 20,000 คัน ทั้งนี้เบื้องต้นทางสมาคมฯ ได้มีการหารือผู้เช่ามาบ้างแล้วในการจะขอปรับขึ้นค่าขนส่ง ซึ่งทางผู้เช่าระบุว่า ไม่อยากให้ปรับขึ้น เพราะในปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากอยู่แล้ว

นายวสุเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งทางสมาคมฯ ได้ชี้แจงว่ายังจำเป็นต้องปรับขึ้น เพราะไม่อย่างงั้นคงดำเนินการกิจการไปต่อไม่ได้ และต้องเลิกกิจการไป เพราะปัจจุบันรถเช่าเหมาสามารถแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายน้ำมันดีเซลได้ในราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่ในเมื่อรัฐบาลจะปล่อยให้ลอยตัวเกิน 30 บาทต่อลิตร ทำให้ต้องปรับขึ้น เพราะที่ผ่านมาภาครัฐไม่เคยเหลียวแลผู้ประกอบการรถเช่าเหมา ถ้าเทียบกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ เช่น รถจักรยานยนต์ (จยย.) รับจ้าง ยังได้รับการช่วยเหลือค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 250 บาทต่อเดือน และรถแท็กซี่ด้วย ขณะที่รถเช่าเหมาไม่ดูแลแต่อย่างไร ทั้งที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขอความช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 และการปรับลดราคาน้ำมันดีเซลแล้วก็ตาม ซึ่งไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม อนาคตหากรัฐบาลยังสามารถปรับลดราคาน้ำมันดีเซลตรึงราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร สมาคมฯ จะมีการปรับลดค่าขนส่งลงเช่นกัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้เช่ารถด้วย ส่วนสถานการณ์การให้บริการรถเช่าเหมาในปัจจุบันนั้น ขณะนี้มีการจ้างงานมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ทำให้มีเงินหมุนเวียนในเดือน เม.ย.65 ประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.ปี 56 หรือ 10 ปีย้อนหลังพบว่า มีเงินหมุนเวียนประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งในเดือน เม.ย.ปีนี้ เงินหมุนเวียนหายไป 90-95% หรือหลัก 10,000 กว่าล้านบาท