สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ว่า เกี่ยวกับความคืบหน้า การเก็บกู้ซากและการค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กขับเคลื่อนด้วยใบพัด ทวินออตเตอร์ ขนาด 2 เครื่องยนต์ ของสายการบิน “ทารา แอร์” พร้อมผู้อยู่บนเครื่องบิน 22 คน ตกในพื้นที่หุบเขาของเนปาล ระหว่างเดินทางจากเมืองโปขราไปยังเมืองจอมซอน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


สำนักงานการบินพลเรือนแห่งขาติของเนปาลรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้แล้วอย่างน้อย 14 ศพ และโอกาสพบผู้สูญหายที่เหลือในสภาพรอดชีวิต “ริบหรี่” อีกทั้งการเข้าถึงจุดตกของเครื่องบินเป็นไปค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากอยู่ใกล้กับยอดเขาเธาละคีรี ยอดเขาสูงสุดอันดับ 7 ของโลก 8,167 เมตร


สำหรับเส้นทางบินของเครื่องบินลำที่ประสบเหตุ โดยปกติใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เนื่องจากระยะห่างระหว่างสองเมืองอยู่ที่ประมาณ 80 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินเบื้องล่าง ประมาณ 5 นาทีก่อนลงจอด ขณะที่หลายฝ่ายสันนิษฐานประเด็นสภาพอากาศอาจมีความเกี่ยวข้อง


อนึ่ง ในจำนวนผู้อยู่บนเครื่องบินทั้ง 22 คน เป็นผู้โดยสาร 19 คน แบ่งเป็นชาวเนปาล 13 คน ชาวอินเดีย 4 คน และชาวเยอรมัน 2 คน และลูกเรือ 3 คน


ทั้งนี้ เนปาลซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งของยอดเขาสูงสุดในโลก 8 จาก 14 อันดับ มีประวัติการเกิดอุบัติเหตทางอากาศยานบ่อยครั้ง ย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 เที่ยวบินโดยสารของสายการบินยูเอส-บังกลา แอร์ไลน์ส จากกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ มุ่งหน้าสู่กรุงกาฐมาณฑุ ตกกระแทกรันเวย์ ระหว่างลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติตริภูวัน ในกรุงกาฐมาณฑุ คร่าชีวิตผู้อยู่บนเครื่อง 51 ราย จากทั้งหมด 71 คน.

เครดิตภาพ : REUTERS