ยังรอการ“คลี่คลาย” หลายคดีอาชญากรรมห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นเป็นกรณีต่อเนื่องจากการเสียชีวิตของพริตตี้สาว “โยโกะ” น.ส.พราวรวี สหัสธัชพงศ์ ที่ครอบครัวยังติดใจว่าอาจไม่ใช่การ“ฆ่าตัวตาย” และเป็นไปได้หรือไม่ที่จะถูก“ฆาตกรรม”
“วันเด็กแห่งชาติ” ขณะที่เด็กหลายคนออกไปท่องเที่ยววิ่งเล่นสนุนสนาน แต่เด็กหลายคนกลับ“หายตัว”ตลอดกาล เพราะปัญหา“คนหาย”ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกวัน
แตกประเด็นถกเถียงหลายมิติเมื่อเด็กชาย วัย 14 ปี พกปืนไปก่อเหตุกราดยิงผู้คนกลางห้าง ส่งสำนวนฟ้องไม่ทัน ด้วยเหตุยังอยู่ระหว่างกระบวนการรักษาอาการป่วยจิตกับแพทย์เฉพาะทาง โดยความยินยอมของผู้ปกครอง การจะเริ่มต้นการต่อสู้คดีได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับวินิจฉัยแพทย์
ทิ้งทวนปีเก่า“เกาะประเด็นดัง” เชื่อว่าตลอดปีที่ผ่านมา “บัญชีม้ากับภัยออนไลน์”ถูกโฟกัสเป็นอันดับต้นๆ เพราะสร้างความสูญเสียมหาศาลทั้งมุมเศรษฐกิจไปจนถึงสังคม จากการถูกนำไปเป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรมหลอกลวงประชาชน ขณะที่การดำเนินคดีมีกฎหมายเอาผิดชัดบังคับใช้
เป็น“หนี้”ต้องไม่ทำให้ใคร“ตาย” ท่ามกลางกระบวนการนำหนี้ ทั้งในและนอกระบบเข้าสู่การแก้ไข สิ่งที่น่าตกใจคือพบความสูญเสียไม่ว่าในส่วนลูกหนี้ที่ฆ่าตัวตาย ไปจนถึงฆ่ายกครัว แต่ลามไปถึงฆ่าเจ้าหนี้ เพื่อจบปัญหา ซึ่งเป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น ทั้งที่มี“ทางออก”อื่นให้ชีวิตไปต่อได้
นักโทษ “หลบหนี” ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ความน่าตกใจคือการหลบหนีที่เกิดขึ้น “ถี่”
“หนี้ กยศ.” หรือ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นอีกก้อนหนี้ใกล้ตัวหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้มีประกาศมาตรการแก้ปัญหา“ครั้งใหญ่” ตามพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566
กทม. ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี พื้นที่นำร่องแน่นอน กับนโยบายขยายเวลาเปิดสถานบริการนานขึ้นถึง“ตี 4” เป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
“ขอทาน”ชาวจีน ส่งสัญญานหลายมิติปัญหา ไม่ใช่แค่การขอทานผิดกฎหมาย ตามพ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 แต่ยังถูกมองภาพกว้างไปถึง“การค้ามนุษย์ข้ามชาติ”
ผลสำรวจ“ภัยอยู่กับมือ”โดยซูเปอร์โพล (Super Poll) เมื่อเร็วๆนี้ ชี้ให้เห็นประเด็นปัญหาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่น่าห่วงใย ท่ามกลางนโยบายใหญ่ของรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้ประชาชนกว่า 50 ล้านคน เป็นเงินกว่า 5 แสนล้านบาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งอาจล่อใจและตกเป็นเป้าหมาย“โจรไซเบอร์”
เริ่มแล้วสำหรับกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็นที่หลายคนจับตา โดยเฉพาะสาระสำคัญเกี่ยวกับปริมาณการครอบครองยาเสพติดบางประเภทที่อาจไม่ถูกดำเนินคดีหากเป็นการครอบครองเพื่อเสพ
ประเด็นกำหนดปริมาณครอบครองยาบ้าเท่าใด ไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง และให้ใช้การบำบัดแทนโทษจำคุก เกิดขึ้นหลังประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่มีผลบังคับใช้
พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 ที่มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนโทษปรับทางอาญาและโทษปรับทางปกครองไปเป็น“โทษปรับเป็นพินัย” คือ เงินค่าปรับที่ต้องชำระแก่รัฐ ซึ่งจะใช้กับลักษณะความผิดไม่ร้ายแรงที่มีโทษปรับสถานเดียว
“คุกคามทางเพศ”ถูกจับตาและขยายประเด็นเป็นที่ถกเถียงอีกครั้ง จากพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักการเมือง พรรคก้าวไกล ก่อนนำมาสู่การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง
“ปมร้อน”ศาลปกครองกลางพิพากษา“เพิกถอน”ประกาศเกี่ยวกับกำหนดแบบ“ใบสั่ง”และจำนวนค่าปรับ
