จากกรณีการตรวจสอบ “สำนักพระบิดา” ต.ดงบัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังจากพบว่ามีชาวบ้านที่หลงเชื่อและศรัทธาในตัว เจ้าลัทธิอ้างว่าเป็นผู้สร้างโลก ที่สามารถรักษาอาการป่วยจากโรคต่าง ๆ แบบพิสดาร เช่น ให้ดื่มน้ำต่าง ๆ ที่ออกมาจากร่างกายตั้งแต่ เหงื่อไคล น้ำลาย เสลด เสมหะ ไปจนถึง ปัสสาวะ และอุจจาระ มีการอ้างว่าทั้งหมดเป็นยารักษาโรคสามารถป้องกันโควิด ได้อีกด้วย ขณะเดียวกันยังพบว่าในสำนักมีศพผู้เสียชีวิตอยู่ถึง 11 ศพ และมีการต่อท่อน้ำเอาน้ำเหลืองจากศพมาใช้รักษาโรค ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายสาโรจน์ บุญพร้อม หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าคอนสาร ออกมายืนยันว่าพื้นที่ที่เป็นสถานที่รวมกลุ่มของลัทธิประหลาด ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังอยู่เวลานี้ เป็นพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งตนเป็นผู้ดูแลอยู่ หลังทราบเรื่องจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าพื้นที่พร้อมเดินสำรวจเบื้องต้นตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ถูกยึดถือครอบครองทำประโยชน์บริเวณที่เกิดเหตุในเขตป่าไม้ 2484  รวมเนื้อที่ 26-0-45 ไร่ นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบการแปรรูปทำไม้หวงห้าม ประกอบด้วย 1.ไม้พะยูง 40 ท่อน ปริมาตร 0.24 ลบ.ม. 2.ไม้รัง 11 ท่อน ปริมาตร 0.61 ลบ.ม. รวมไม้ท่อนหวงห้าม 51 ท่อน ปริมาตร 0.85 ลบ.ม. ถูกตัดเป็นท่อนๆ กองอยู่ภายในป่าสาธารณประโยชน์บ้านกุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ที่เป็นที่ตั้งสำนักลัทธิประหลาดของ นายทวี หนันลา อายุ 74 ปี เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยฯ ชย.4 (คอนสาร) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม 1.ฐานทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 11, 73 และ 2.ฐานมีไม้ท่อนหวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 69

ส่วนกรณีจากการจับพิกัดยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวน และไม่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินนั้นหมายความว่าอยู่ในเขตป่าไม้ 2484 และตามมาตรา 4 วงเล็บ 1 ที่ระบุที่ดินที่ยังมีผู้ได้มา ตามประมวลกฏหมายที่ดินซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ยังต้องดูแล ดังนั้นการเข้ายึดถือครอบครองทำประโยชน์โดยไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ถือว่าเป็นการบุกรุกอย่างแน่นอน จึงมีความผิดตาม พ.ร.บป่าไม้ 2484 มาตรา 54, 55 ขณะนี้ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ออกรังวัดพิกัดทั้งหมดเพื่อคำนวนเนื้อที่ว่าได้เนื้อที่เท่าไหร่ ที่ทำความเสียหายในเขตรับผิดชอบของป่าไม้ จากนั้นก็จะนำข้อมูลทั้งหมด เข้าแจ้งความเพิ่มเติม ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 3-4 วัน ซึ่งจากภาพรวมและการตรวจสอบเบื้องต้น ยืนยันว่ามีการบุกรุกอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม กรณีซากศพทั้ง 11 ศพ ที่นำไปเก็บไว้ที่มูลนิธิชุมแพ โรงพยาบาลคอนสารได้เข้ามาเก็บหลักฐาน พร้อมพิสูจน์อัตลัษณ์ตามหลักวิชาการอย่างละเอียดแล้ว และทราบข้อมูลของซากศพครบถ้วนอย่างเป็นทางการ จากนั้นได้มอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งมอบคืนญาติ เพื่อนำกลับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป.