เมื่อวันที่ 23 พ.ค. รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แจ้งว่า ได้รับรายงานเหตุการณ์เที่ยวบิน FD3141 ระนอง-ดอนเมือง ที่ให้บริการด้วยเครื่องบินแบบเเอร์บัส เอ 320-200 ซึ่งลงจอดผิดทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.65 จากสายการบินไทยแอร์เอเชีย และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) เหตุการณ์นี้ถือว่าเข้าข่ายอุบัติการณ์รุนแรง ตามที่กำหนดไว้ในภาคผนวกที่ 13 ของอนุสัญญาการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน (สกอ.) กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างเร่งสอบสวน เพื่อสรุปรายงานการสอบสวนให้แล้วเสร็จใน 30 วัน ก่อนส่งกลับมายัง กพท.

รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ระหว่างที่ กพท. รอผลการสอบสวนของ สกอ. นั้น ในฐานะที่ กพท. มีหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานของทั้งท่าอากาศยาน, บวท. และสายการบิน ได้มอบให้ทุกฝ่ายส่งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับระบบการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยส่งมายัง กพท. ด้วย เพื่อพิจารณาว่ายังมีจุดบกพร่องใด เพื่อปรับแก้ไขป้องกันให้เกิดความปลอดภัย และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก อย่างไรก็ตามเมื่อ สกอ. ส่งสรุปรายงานการสอบสวนมายัง กพท. แล้ว จะทำให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง ซึ่ง กพท. จะใช้ประกอบการพิจารณาบทลงโทษต่อไป

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลักของการบริหารความปลอดภัยในโลกปัจจุบัน ไม่ได้มุ่งเอาผิดเอาโทษเพียงอย่างเดียว จะเน้นการรายงานเพื่อให้ได้ข้อมูลความปลอดภัยด้วย เพื่อนำไปวิเคราะห์และทำมาตรการในเชิงป้องกันต่อไป ทั้งนี้การกระทำที่ถือว่าต้องถูกลงโทษ จะเป็นลักษณะเจตนา ตั้งใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยต้องดูที่พฤติการณ์เป็นสำคัญ ส่วนเหตุการณ์นี้จะมีบทลงโทษอย่างไร ขอรอสรุปรายงานการสอบสวนก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริง เกิดจากเหตุสุดวิสัย ตั้งใจ หรือประมาทเลินเล่อ

ด้านสายการบินไทยแอร์เอเชีย แจ้งว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวนของ สกอ. กระทรวงคมนาคม ขณะเดียวกันในส่วนของสายการบิน อยู่ระหว่างสอบสวนภายในโดยละเอียดเช่นกัน เบื้องต้นมีมติให้พักงานนักบิน 2 คนในเที่ยวบินดังกล่าวชั่วคราว เพื่อสอบสวนจนกว่าจะได้ข้อสรุป ก่อนจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว สายการบินไทยแอร์เอเชีย แจ้งข้อมูลกับ กพท. ตามขั้นตอนเเล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด ยืนยันว่า สายการบินให้ความสำคัญสูงสุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเต็มที่ โดยสายการบินขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเน้นย้ำในมาตรฐานป้องกันต่อไปอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดในทุกเที่ยวบิน

ขณะที่รายงานข่าวจาก บวท. แจ้งว่า ในส่วนของ บวท. ขณะนี้ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศเข้าสู่กระบวนการบริหารความปลอดภัย เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงในส่วนของการให้บริการ และส่งข้อมูลให้กับ สกอ. เพื่อให้พิจารณาต่อไป หากผลการสอบสวนพบว่า เกิดความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ บวท. จะดำเนินการพักการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ฯ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ อย่างไรก็ตาม บวท. ขอให้ผู้โดยสารมั่นใจได้ว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศทุกคน ปฏิบัติงานอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยเป็นสำคัญ.