เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่สำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ นายเสถียร จันทจร อายุ 55 ปี พร้อมด้วย นายวสันต์ ไหลพึ่งทอง อายุ 35 ปี และครอบครัว เดินทางเข้าพบ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เพื่อขอคำปรึกษา หลังถูกชายแอบอ้างเป็นทีมงานของนายษิทรา หลอกให้โอนเงินค่าเคลียร์คดีความของลูกชาย สูญเงินกว่า 1.3 ล้านบาท
นายษิทรา เปิดเผยว่า ผู้เสียหายมาแจ้งว่ามีบุคคลใช้ชื่อว่า นายเวหา แอบอ้างเป็นทีมงานของตนและหลอกเอาเงินไปนับล้านบาท โดยอ้างว่านำไปใช้เคลียร์คดีความของลูกชายผู้เสียหาย และนำภาพและโลโก้สำนักงานของตนไปใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยที่ตนไม่รู้จักบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด ตรวจสอบประวัติพบว่าบุคคลที่แอบอ้างมีคดีติดตัวเป็นจำนวนมาก และตรวจสอบเรื่องคดีที่ทางนายเวหาอ้างว่าเป็นคดีลูกชายผู้เสียหายนั้นก็พบว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งในวันที่ 28 พ.ค.นี้ ตนจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายเวหา ฐานปลอมแปลงเอกสาร ฉ้อโกง หมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ สภ.สามพราน จ.นครปฐม
นายเสถียร เปิดเผยว่า ตนถูกนายเวหาหลอกลวงเอาเงินไปนับล้านบาทพร้อมนำสลิปมายืนยัน โดยนายเวหา อ้างว่าใช้ในการสู้คดีของลูกชาย ขณะนี้ตนลำบากมากมีหนี้สินจำนวนมาก โดยนำเงินที่กู้ยืมผู้อื่นมาไปให้กับนายเวหา ซึ่งมีการหลอกพูดคุยทางไลน์ว่ารู้จักกับนายษิทรา สามารถที่จะช่วยเหลือในเรื่องคดีของลูกชายตนได้ แต่ต้องนำเงินมาให้ในการดำเนินการ ซึ่งตนอยากจะช่วยลูกชายจึงหยิบยืมเงินดังกล่าวมาให้
“ตนอยากถามนายเวหาว่า จิตใจทำด้วยอะไร ตนลำบากขนาดนี้ หาเช้ากินค่ำ ทำงานโรงงาน โหดร้ายกับชีวิตตนมาก และนายเวหายังนำลูกชายของตนไปเป็นลูกน้อง คอยขับรถรับส่ง อีกทั้งยังอ้างว่าจะมีเงินเดือนให้แต่ต้องปรึกษากับนายษิทราก่อน” นายเสถียร กล่าว
ด้านผู้เสียหายได้โทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องเงินที่ติดค้าง ซึ่งนายเวหาอ้างว่า จำเป็นต้องใช้เงินส่วนนี้ให้กับอัยการ และยังอ้างว่ารู้จักกับทนายตั้ม ผ่านทนายความอีกคนที่ชื่อ นิมิตร เนื่องจากตนเองเป็นทนายความอยู่ในสำนักงานของทนายนิมิตร รวมทั้งยืนยันว่าเป็นทนายความและนำเงินจากผู้เสียหาย 1.3 ล้านบาท ไปช่วยเรื่องคดีจริงและไม่ได้ทำอะไรผิด หากถูกหมายเรียกก็ยินดีเข้าพบพนักงานสอบสวน