เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาผักสด ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง และตลาดนัดในเขตเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา หลังจากที่มีเสียงบ่นจากประชาชนว่าพริกและผักสด ปรับราคาขึ้นสูงมาก ตรงข้ามกับค่าครองชีพ โดยแม่ค้าขายผักบอกกว่า ตอนนี้บรรดาเจ้าของสวนผักที่นำผักมาส่ง ต่างขอปรับขี้นราคากันหมดแล้ว หากราคาน้ำมันไม่แพงและถ้าฝนตกน้อยลง ราคาผักต่างๆ ที่มีการขนส่งมาจากภาคอื่น ก็จะได้ลดลงไปหน่อย ไม่ใช่ที่ว่ามาแก้ปัญหาที่เกษตรกร ต้องแก้ที่พ่อค้าคนกลาง เพราะเขาจะได้กำไรเยอะกว่า เพราะผักสดต่างๆ จะมาไม่กี่บาท อาจจะมาอยู่หน้าสวน 50 บาท พอมาถึงพ่อค้าคนกลางก็ขึ้นเป็น 100 กว่าบาท กว่าจะมาถึงปลายทาง รวมทุกสิ่งก็ปาเข้าไป 250 บาท สาเหตุหลักก็คือราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น หากราคาน้ำมันลดลงก็โอเค เนื่องจากราคาต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาพริกขี้หนูสวน จากกิโลกรัมละ 170-200 บาท ปรับเป็น 250 บาทต่อ กก. ราคาเท่ากับเนื้อหมูแล้วตอนนี้

ทั้งนี้ บรรดาแม่ค้าต้องปรับการขายเพื่อเป็นตัวเลือก โดยนำพริกชนิดต่างๆ แบ่งขายเป็นตะกร้ามีราคาตั้งแต่ตะกร้าละ 10 บาท 20 บาท แล้วแต่พริกแต่ละอย่าง ราคาก็จะต่างกันไปแต่ละตะกร้า ทำเพื่อให้คนซื้อมีตัวเลือก หากกินน้อยก็ซื้อน้อย ประหยัดรายจ่ายในครอบครัว เพราะแต่ละครอบครัวตอนนี้เดือดร้อนมากกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ส่วนผักชนิดอื่นๆ เช่นต้นหอมจาก 80-100 บาทต่อ กก. ปรับขึ้นมาเป็น 150 บาท พริกขี้หนูสวนจากราคาเดิม 170-200 บาท ปรับเป็น 250 บาทต่อ กก. พริกจินดา จาก 100 บาทต่อ กก.ปรับขึ้นเป็น 150 บาท ซึ่งบรรดาแม่ค้าขายอาหารต่างก็บ่นกันอุบว่า วัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหารจำหน่ายขึ้นทุกอย่าง หากพริกและผักแพงแบบนี้ แถมราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ก็ปรับขึ้นราคา ก๊าซขนาดถัง 15 กิโลกรัม จากราคาเดิม 390 บาท ภายใน 2 เดือนปรับพุ่งเป็นถังละ 440 บาท หากยังคงเป็นแบบนี้ ก็คงจะแบกรับต้นทุนไม่ไหว ก็จำเป็นต้องขึ้นราคาอาหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.