เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 22 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมเดินหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคเพื่อไทย โดยอาจจะมีบางประเด็นที่ต้องตัดออกและบางประเด็นที่เพิ่มขึ้น ส่วนขั้นตอนการวางตัวผู้อภิปรายนั้น วันนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนดังกล่าว เนื่องจากยังไม่ได้เจรจากับพรรครัฐบาลว่า จะได้เวลามามากน้อยแค่ไหน หากเราได้กรอบเวลามาจึงจะจัดคนถูก แต่สำหรับผู้อภิปรายของพรรคเพื่อไทย ก็พอมองเห็นกันอยู่ ซึ่งคงไม่มีการปรับอะไรกันมาก และยืนยันว่าเรามีความพร้อม หากจะอภิปรายในสัปดาห์หน้าก็สามารถทำได้เลย

นายสุทิน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ประธานสภารับไปแล้วและอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ดังนั้นระหว่างนี้สามารถแก้ไขได้ตลอด ทั้งเนื้อหาสาระ และการเพิ่มคนที่จะอภิปราย ซึ่งอยู่ที่ว่าสมาชิกแต่ละพรรคเห็นพ้องต้องกันก็สามารถแก้ไขได้ไม่มีอะไรที่น่าวิตก อย่างไรก็ตามวันนี้เวลา 14.00 น. แต่ละพรรคยื่นรายชื่อยืนยันความถูกต้องของญัตติต่อประธานสภา เพื่อวินิจฉัยต่อไป

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่พรรคพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งทีมองครักษ์ปราบมาร นายสุทิน กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้ง จะมีการตั้งองครักษ์พิทักษ์โน่นนี่นั่น ซึ่งครั้งนี้อาจจะเป็นปราบมาร ก็ต้องว่ากันไป แต่เท่าที่ตนดูรายชื่อบุคคลแล้วเห็นว่าล้วนเป็นผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ เป็นคนหน้าใหม่ๆ น่าจะเป็นการเรียนรู้มากกว่าและมองว่าองครักษ์ปราบมารยังเป็นหน้าละอ่อนกันอยู่ เมื่อเทียบกับตัวคนอภิปราย ก็น่ารัก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

เมื่อถามถึง กรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าพรรค พปชร.เป็นรองพรรค พท.นายสุทิน กล่าวว่า ที่จริงพรรค พปชร.เป็นรองพรรค พท.มาตลอด ตนไม่ได้ซ้ำเติม เพราะจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา แม้พรรค พท.ส่งคนไม่ครบทุกเขต แต่เราชนะ ไม่ใช่ว่าพรรค พท.เก่งการเมือง แต่เป็นเพราะผลงาน

เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรค พท.มีความพร้อมที่จะเลือกตั้งแล้วใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า จะให้เลือกตั้งสัปดาห์หน้าเลยก็ได้ เพราะพรรค พท.มีความพร้อมทั้งผู้สมัครและนโยบายต่างๆ รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีแต่เพียงแค่ฝั่งรัฐบาลยังไม่พร้อม แต่ในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกฎหมายลูก 2 ฉบับ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่เรายังมีความเป็นห่วง.