เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด,นายสุทธิ สุขยิ่ง อัยการพิเศษฝ่ายกิจการต่างประเทศ 1, น.ส.ชวลิดา ภิรมย์วงศ์ พนักงานอัยการเจ้าของสำนวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณี เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ทางการแอลเบเนียได้ส่งมอบตัวผู้ร้ายข้ามแดน นายกัว จื่อ เยวี๋ยน หรือ อาเยน ผู้ต้องหา ชาวไต้หวัน คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้แก่พนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลของไทย ที่สนามบินกรุงติรานา ประเทศแอลเบเนีย

โดยนายกัว จื่อ เยวี๋ยน เป็นรองหัวหน้าแก็งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้ฐานปฏิบัติการที่เมืองดูไบ โทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อในย่านเอเชียทั้งคนไทย มาเลเซีย และญี่ปุ่น โดยเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรที่อัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องนายกัว จื่อ เยวี๋ยน กับพวก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ กระทำการอันเป็นอั้งยี่และซ่องโจร ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีหมายจับของศาลจังหวัดพระโขนงและตำรวจสากล

นายจุมพล กล่าวต่อว่า สำหรับพฤติการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้จะแบ่งหน้าที่กันทำงาน หลอกลวงประชาชนทั่วไปไม่เจาะจง โดยสุ่มเบอร์โทรศัพท์อัตโนมัติผ่านระบบ VOIP และโทรฯ หาผู้ถูกหลอกลวงเพื่อหลอกลวงเอาเงิน โดยเหยื่อคนไทยกลุ่มผู้ต้องหาจะแอบอ้างว่าตนเป็นเจ้าพนักงาน เช่น เจ้าหน้าที่ศาล พนักงานไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ ปปง. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีการหลอกลวงว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายพัวพันกับคดียาเสพติด กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจะให้ความช่วยเหลือ จนผู้เสียหายหลงเชื่อและให้ข้อมูลส่วนตัวไป เช่น ชื่อนามสกุลจริง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต หลังจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาจะให้ผู้เสียหายโอนเงินให้

ทั้งนี้นายกัว จื่อ เยวี๋ยน ได้หลบหนีจนถูกตำรวจสากลแอลเบเนีย จับกุมตัวได้ที่กรุงติรานา ประเทศแอลเบเนีย เมื่อวันที่  27 ก.ย.2564 และทางการแอลเบเนียได้แจ้งให้ทางการไทยทราบเพื่อดำเนินการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน

ซึ่งนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด ผู้ประสานงานกลางตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ได้อนุมัติและสั่งการให้สำนักงานต่างประเทศดำเนินการขอตัวนายกัว จื่อ เยวี๋ยน เป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากทางการแอลเบเนียโดยเร่งด่วน พนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ ได้ประสานงานกับผู้ประสานงานกลางและพนักงานอัยการของแอลเบเนีย ส่งคำร้องขอผู้ร้ายข้ามแดนและพยานหลักฐานดำเนินคดีผู้ร้ายข้ามแดนกับนายกัว จื่อ เยวี๋ยน ที่ต่อสู้คดี จนศาลอุทธรณ์แอลเบเนียเชื่อในพยานหลักฐานของไทยว่า คดีมีมูลและได้มีคำพิพากษาให้ส่งตัวนายกัว จื่อ เยวี๋ยน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน และเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.65 ผู้ประสานงานกลางของแอลเบเนียได้อนุมัติให้ส่งตัวนายกัว จื่อ เยวี๋ยน ให้แก่ทางการไทย เพื่อดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป

นายจุมพล กล่าวว่า การดำเนินกระบวนการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนในเรื่องนี้ สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยความร่วมมืออย่างดี จากผู้ประสานงานกลาง และพนักงานอัยการแอลเบเนีย ผ่านทางโครงการระดับโลก เพื่อต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (GPTOC) ของสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญาภูมิภาคยุโรป (EJN) ที่สำนักงานอัยการสูงสุดไทยเป็นสมาชิกสมทบ และองค์การอัยการภูมิภาคยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ (SEEPAG) ที่แอลเบเนียเป็นสมาชิก รวมทั้งกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ในวันนี้พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศสำนักงานอัยการสูงสุด บินไปรับตัวนายกัว จื่อ เยวี๋ยน หรืออาเยน ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทางคณะทำงานอัยการของประเทศไทย และตำรวจสากลได้ร่วมควบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นเครื่องบินกลับมาดำเนินคดีในไทย โดยมีรายงานว่าการควบคุมตัวเป็นไปอย่างเรียบร้อยดีเเละคาดว่าจะเดินทางถึงประเทศไทยในช่วงสายๆ วันนี้ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ