สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามให้กฎหมาย “ชิพส์ และ ไซแอนซ์” (Chips and Science) มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันอังคาร โดยสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว คือการจัดสรรงบประมาณรวม 52,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.86 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ ตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัย ไปจนถึงการผลิต และการยกระดับขีดความสามารถอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านบุคลากรและเทคโนโลยี


ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลกลาง ทำหน้าที่กำหนดกฎเกณฑ์และพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุน โดยหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญ คือบริษัทที่ประสงค์รับความสนับสนุนจากรภาครัฐในเรื่องนี้ ต้องไม่ตั้งโรงงานผลิตชิพใน “บางประเทศ” รวมถึงจีน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะตรวจสอบอย่างละเอียด อีกทั้งยังไม่มีการระบุอย่างชัดเจนด้วยว่า โครงการสนับสนุนที่ว่านี้จะครอบคลุมระยะเวลานานเท่าใด

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ลงนามรับรองกฎหมายยกระดับความสนับสนุนของรัฐบาลกลาง ต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ


นอกจากนี้ เนื้อหาของกฎหมายยังระบุเกี่ยวกับมาตรการลดหย่อนภาษีสูงสุด 25% ให้กับผู้ประกอบการผลิตชิพในสหรัฐ คิดเป็นวงเงินรวมประมาณ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 848,460 ล้านบาท) ส่วนการสนับสนุนโครงการวิจัยด้านเซมิคอนดักเตอร์ครอบคลุมระยะเวลา 10 ปี ด้วยวงเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.07 ล้านล้านบาท) อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสต้องบัญญัติกฎหมายอีกฉบับ เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ด้วย


ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันออกแถลงการณ์ วิจารณ์กฎหมายฉบับนี้ว่า “สหรัฐยังคงไม่ละทิ้งแนวคิดสงครามเย็น”.

เครดิตภาพ : REUTERS