เมื่อวันที่ 22 ส.ค. มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ​มีมติไม่ส่งเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประยุทธ์ มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ซึ่ง กกต.มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ที่สามารถเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยได้

โดยรายงานระบุว่า เหตุผลที่ กกต.มีมติดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าสมาชิกรัฐสภา มีการดำเนินการยื่นคำร้องผ่านประธานสภารัฐสภา เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 แล้ว กกต.จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณา

ต่อมาสำนักงาน กกต.เผยแพร่เอกสารแจ้งว่า กกต.ได้พิจารณาคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา ขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 224 (6) เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.2565 ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 วรรคแรก หรือไม่

โดยสำนักงาน กกต.ได้เสนอเรื่องดังกล่าวพร้อมความเห็น และได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการ กกต.เพิ่มเติมว่า วันนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคแรก หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกันกับที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.แล้ว

ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมเป็นอันเด็ดขาดมีผลผูกพัน รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ยื่นเรื่อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นเดียวกันแล้ว กกต.จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นเดียวกันอีก.