เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่พรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า แถลงถึงการแก้อาถรรพณ์ตัวเลข 13 ซึ่งหมายถึง 13 ล้านบัญชีที่เป็นหนี้ช่วงโควิด-19 นั้นสรุปว่าวันนี้บางส่วนจาก 13 ล้านบัญชี ตกนรกติดเครดิตบูโรไปแล้วเพราะไม่สามารถแบกรับภาระหนี้สินได้ และอีกบางส่วนประมาณ 10 ล้านบัญชี สุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นหนี้เสียติดบูโร ซึ่งเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องดำเนินการแก้ไขทันที และควรเป็นเรื่องแรกที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ต้องหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 ส.ค. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ

ทั้งนี้พรรคกล้าเห็นว่า การกู้เงินของประชาชน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจำนวนบัญชีเงินกู้หนี้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปกติจะมีบัญชีเปิดใหม่ไตรมาสละ 8 แสนบัญชี แต่ช่วงต้นปี 2563 ที่มีสถานการณ์โควิด-19 บัญชีเปิดใหม่พุ่งขึ้น 2.5 ล้านบัญชี จนทำให้ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีบัญชีเงินกู้เพิ่มขึ้นประมาณ 13 ล้านบัญชี หรือประมาณ 8 ล้านคน เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเขาทำมาหากินลำบาก ทำให้ต้องเข้าถึงแหล่งทุนทั้งที่ไม่อยากเป็นหนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ NPL หรือ หนี้เสีย พุ่งสูงขึ้น ทำให้วันนี้วิกฤตเกิดขึ้นแล้ว เห็นได้จากช่วงต้นปี 2565 มีประชาชนกว่า 2.3 ล้านบัญชี ที่ก่อนโควิด-19 ไม่เคยมีปัญหาหนี้เสียเลย แต่วันนี้บัญชีเหล่านั้นต้องกลายเป็นหนี้เสียและไตรมาสล่าสุดช่วงสิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีชื่อคนติดบูโรเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านคน เพียงไตรมาสเดียว ซึ่งตรงนี้เป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองช่วงโควิด-19 อย่างปฏิเสธไม่ได้

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้รอคอยไม่ได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าถ้าเราไม่ทำอะไรเลยภายในสิ้นปีนี้จาก 3 ล้านกว่าบัญชี ที่เป็นหนี้เสียไปแล้ว จะพุ่งเป็น 6-7 ล้านบัญชีได้โดยง่าย ดังนั้นพรรคกล้าจึงต้องช่วย 3 ล้านบัญชีที่วันนี้เป็นหนี้เสียไปแล้ว และต้องป้องกันอีก 10 ล้านบัญชีไม่ให้เป็นหนี้เสีย จึงเสนอโครงการ “กล้าฟื้นชีวิต” โดยเอารายชื่อ 3 ล้านคน ที่ติดบูโร ให้ได้พักชำระเงินต้น 2 ปี ดอกเบี้ยให้ปรับลดลงจาก 4% เหลือ 1% เป็นเวลา 1 ปี และแขวนอัตราดอกเบี้ยค่าปรับไว้ โดยขีดเส้นจำกัดการช่วยเหลือกรณีมีหนี้วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท

ทั้งนี้หากทำได้ตามมาตราการที่พรรคกล้าเสนอจะช่วยลดภาระการชำระหนี้ให้คนกลุ่มนี้ได้ ทำให้เขามีความสามารถในการชำระหนี้ได้ ดึงให้เขากลับมาอยู่ในสถานะหนี้ปกติที่ไม่ใช่บูโร และจะมีผลช่วยให้ประชาชนที่ติดบูโรไปแล้วกลับคืนมาได้โดยเร็ว ส่วนอีก 10 ล้านบัญชี ที่วันนี้อยู่ปริ่มเหวด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เราเสนอว่าใครที่ไปไม่ไหวให้สามารถเข้าโครงการเดียวกับลูกหนี้ที่ติดบูโรไปแล้วได้ทันที ซึ่งจะช่วยลดภาระที่ต้องจ่ายรายเดือน อีกทั้งลูกหนี้กลุ่มนี้ควรได้รับแคชแบ็ก ด้วยการได้รับเงินต้นคืน 5% ถือเป็นการให้รางวัลกับผู้ที่ทำตามสัญญาเดิมได้ ทั้งหมดที่เราเสนอเป็นเรื่องที่ทำได้ทันที ที่สำคัญข้อเสนอของเราไม่ต้องใช้งบประมาณเลย

“เมื่อรัฐบาลคิดดีตั้งแต่แรกให้เขาเข้าถึงแหล่งทุน วันนี้ต้องช่วยเขาให้ตลอดรอดฝั่ง โดยที่มาตรการไม่ได้เป็นภาระต่องบประมาณของรัฐเลย เรื่องนี้จึงต้องรีบทำ เราเสนอเพราะทุกวันนี้รัฐบาลนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาช่วยประชาชนที่เป็นหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นหนี้ช่วงโควิด-19 เราไม่สามารถปล่อยให้คนไทยนับล้านคน ต้องหลุดออกไปจากระบบเศรษฐกิจเพราะติดบูโร เราหวังอย่างยิ่งว่า เรื่องนี้จะได้รับการพิจารณาใน ครม.โดยเร็ว ซึ่งมาตรการนี้ออกได้ทันที ประชุม ครม.วันอังคารนี้ เพื่อเคาะแล้วออกเป็นมาตรการได้ทันที จึงไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลจะไม่ทำ” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว.