เมื่อวันที่ 28 ส.ค ที่ลานคนเมือง นายจตุพร พรหมพันธุ์ นำคณะหลอมรวมประชาชน แถลงการณ์ข่าวชุมนุมสรุปใจความว่า คณะหลอมรวมประชาชน ไม่ได้เรียกร้องให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยุบสภา หรือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่มารวมตัวกันเพื่อหยุดอำนาจ 3 ป. เพราะเข้ามาบริหารบ้านเมืองกว่า 8 ปี พร้อมตั้งข้อสังเกต ตอนนี้มีความพยายามไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยใช้วิธีดีเลย์ แทคติก ปล่อยให้พรรคการเมืองแก้ไขเฉพาะเรื่องกฎเกณฑ์กติกาการเลือกตั้งเท่านั้นจากระบบบัตรใบเดียวมีผู้แทน เขต 350 บัญชีรายชื่อ 150 เป็นระบบบัตร 2 ใบ แต่ไม่ยินยอมให้มีการแก้ไขมาตรา 93 มาตรา 94 เรื่อง ส.ส.พึงมีซึ่งเป็นหัวใจหลักท้ายสุดถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 100 หาร ขัดรัฐธรรมนูญ ต้องกลับมาใช้สูตรหาร 500 แล้วจะยื่นตีความใหม่ ท้ายที่สุดเลยอายุสภา คือ 24 มี.ค.2566 การเลือกตั้งจะไม่เกิด พวกนี้อยู่ในอำนาจต่อ

นายจตุพร กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าคณะ 3 ป. นี้ไม่ประสงค์ที่จะสละอำนาจ แต่จะสืบทอดอำนาจต่อไป พล.อ.ประยุทธ์พักงาน แต่พล.อ.ประวิตรยังอยู่ ถ้าอำนาจหลุดมือจะไปที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยคณะหลอมรวมประชาชนมีความประสงค์หยุดอำนาจคณะ 3 ป. ให้หลุดออกจากกระดานทางการเมือง เพื่อนับหนึ่งประเทศไทย ตราบใดที่ 3 ป. ยังอยู่ในอำนาจการเลือกตั้งจะไม่บังเกิด เพียงแต่หลอกบรรดาพรรคการเมืองดีใจ ขณะเดียวกันปล่อยให้เกิดความเสื่อมโดยทั่ว เรื่องปัญหาประชาชนไม่ยอมให้แก้

นายจตุพร กล่าวว่า จากนี้คณะหลอมรวมประชาชนจะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตามสถานที่ต่างๆ มหาวิทยาลัยต่างๆ หรือตามต่างจังหวัด อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์หน้าที่มีการชุมนุมอีกครั้งในสถานที่สำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา กล่าวว่า การหยุดอำนาจ 3 ป. จะเท่ากับการหยุดระบบการปกครองแบบอำนาจนิยม หยุดการบริหารประเทศที่มีส.ว. มาจากการรัฐประหารไม่ได้รับใช้ประชาชนองค์กรอิสระองค์ กรตรวจสอบต่างๆที่ไม่ทำหน้าที่ให้กับประเทศชาติและประชาชน ทำแค่หน้าที่แก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของรัฐบาลเท่านั้น และจะช่วยคืนทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ให้กลับมาเป็นของประเทศและประชาชน

ทั้งนี้ขอให้ประชาชน สื่อมวลชนจับตาให้ดี เพราะมีความพยายามในความเคลื่อนไหวที่จะดึงระยะเวลาในการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญออกไปหรือไม่ เนื่องจากวันที่ 21 ต.ค.จะมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเกษียณอายุราชการ 1 ท่าน ซึ่งอยู่ในสัดส่วนเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ที่ให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นเมื่อถึงวันวินิจฉัยเท่ากับจะเหลือเสียง 4 ต่อ 4 ต้องให้ประธานออกเสียงอีกครั้งเพื่อชี้ขาด.