เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมควบคุมมลพิษที่ให้ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับพวกรวม 7 คน (ผู้ฟ้องคดี) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษ ชำระเงินค่าจ้างและค่าเสียหายในโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กรณีบอกเลิกสัญญาโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยกรมควบคุมมลพิษต้องจ่ายให้กิจการร่วมค้าฯ 4,983 ล้านบาทเศษ และ 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และต่อมา กรมควบคุมมลพิษตั้งคณะกรรมการฯ สอบข้อเท็จจริงมีความเห็นว่า นายประพัฒน์ พร้อมพวกมีส่วนทำให้เกิดความเสียหายต่อกรมควบคุมมลพิษ ก่อนออกคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

โดยศาลปกครองเห็นว่า การที่ นายประพัฒน์กับพวกรวม 7 คน มีการให้ความเห็น เห็นชอบ จนนำไปสู่การทำหนังสือแจ้งคู่สัญญาว่านิติกรรมเป็นโมฆะ และให้หยุดการก่อสร้างโดยสิ้นเชิงเป็นเหตุให้กิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจี ยกขึ้นอ้างเป็นเหตุบอกเลิกสัญญา จนโครงการไม่อาจสำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์ ย่อมเป็นเหตุให้กรมควบคุมมลพิษได้รับความเสียหาย จึงเป็นกรณีที่ นายประพัฒน์กับพวกรวม 7 คน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อให้เสียหายแก่ทรัพย์สินของกรมควบคุมมลพิษ โดยถือว่า วันที่ 28 ก.พ. 2546 เป็นวันที่ นายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน กระทำละเมิดต่อกรมควบคุมมลพิษ แต่การที่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดให้ นายประพัฒน์กับพวกรวม 7 คน ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษ

โดยอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้มีคำสั่งกรมควบคุมมลพิษ ที่ 115/2559, 116/2559, 117/2559 ลงวันที่ 11 พ.ค. 2559 ที่ให้นายประพัฒน์กับพวกรวม 7 คน ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษนั้น เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพ้นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันทำละเมิด จึงขาดอายุความแล้ว ตามมาตรา 448 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ดังนั้นกรมควบคุมมลพิษที่ให้ นายประพัฒน์กับพวกรวม 7 คน ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 4/2559 ยกอุทธรณ์ของนายประพัฒน์ กับพวกรวม 7 คน จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน ส่วนข้ออ้างอื่นๆ ของผู้ฟ้องคดี และข้อต่อสู้ของผู้ถูกฟ้องคดีนั้น ศาลเห็นว่าเมื่อได้วินิจฉัยดังกล่าวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอีก เพราะไม่มีผลทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง

ศาลปกครองกลางจึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมควบคุมมลพิษ ที่ 115/2559, 116/2559, 117/2559 ลงวันที่ 11 พ.ค. 2559 ที่ให้ นายประพัฒน์กับพวกรวม 7 คนชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 4/2559 ยกอุทธรณ์ของ นายประพัฒน์กับพวกรวม 7 คน โดยให้การเพิกถอนมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว.