เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช นายอุดร ขอนแก่น หรือ ”ดีเจดอน ขอนแก่น” อายุ 62 ปี นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง จังหวัดนครศรีธรรมราชและภาคใต้ ซึ่งตกอับและตกเป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ จนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เข้าพบนายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และนายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช เพื่อปรึกษาและขอความช่วยเหลือ และขอยืมเงินจำนวนหนึ่งเพื่อไปจ่ายค่าดอกเงินกู้รายวัน

ดีเจดอน กล่าวว่า ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ตนประสบปัญหาในการจัดรายการวิทยุ ประกอบกับไม่สามารถตามเก็บเงินจากสปอนเซอร์ได้ จึงต้องยุติการจัดรายการวิทยุและหันมาช่วยภรรยา อายุ 60 ปี ค้าขายไก่ยาง และอาหารกล่อง แต่ต่อมาภรรยาเกิดลมป่วยด้วยโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน ร่างกายอ่อนแอ ตนจึงต้องรับภาระทำงานหาเงินเองทั้งหมด โดยภาระทำงานหาเงินเองทั้งหมด ภรรยาช่วยเหลือเล็กน้อย รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย จนตนต้องไปกู้เงินนอกระบบเงิน กู้ฉุกเฉินครั้งแรก 5,000 บาท จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยทุกวัน วันละ 100 บาท และขยายกู้เพิ่มเงินต้นเป็น 10,000 บาท และ 15,000 บาท จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยวันละ 300 บาท โดยเงินต้นจะยังอยู่เหมือนเดิม จนกว่าจะสามารถนำเงินต้นมาจ่ายล้างหนี้ได้หมด ตนจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยมากว่า 1 ปี เป็นเงินกว่า 1 แสนบาท โดยเงินต้น 15,000 บาท ยังอยู่เหมือนเดิม

ดีเจดอน กล่าวต่อว่า ในระยะหลังๆ ไม่สามารถผ่อนจ่ายได้ถูกตามทวงและข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายจะมาตามถึงที่ร้านในตลาดหัวถนน ตนกลัวภรรยาจะได้รับความกระทบกระเทือนด้วยโรคหัวใจ เพราะที่ผ่านมาปกปิดภรรยามาตลอด หนักเข้าตนหาดอกเบี้ยมาจ่ายไม่ได้ ต้องหลบหนีและค้างจ่าย แต่เขาจะบวกเงินวันที่ค้างเอาไว้ด้วย ตนทนต่อไปได้ไหว จึงมาปรึกษานายกและประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. เพื่อให้ช่วยเหลือประสานกับเจ้าหนี้เงินกู้ ขอผ่อนจ่ายเฉพาะต้น 15,000 บาท จนกว่าเงินต้นจะหมด เพราะกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ตนจ่ายเฉพาะดอกไปกว่า 1 แสน ถือว่ามากพอแล้ว

เบื้องต้นนายยุทธนา ได้ควักเงินช่วยเหลือไปจ่ายเป็นค่าดอกก่อน 1,000 บาท พร้อมจะปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป โดยอาจจะต้องใช้กฎหมายดำเนินการ เพราะแก๊งเงินกู้ในลักษณะนี้ทำผิดตาม พ.ร.บ.เงินกู้ ให้กู้เงินโดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ พ.ร.บ.ทวงหนี้ และความผิดในกรณีอื่นๆ เช่น ข่มขู่ คุกคาม ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินอย่างเด็ดขาดต่อไป

ขณะเดียวกันมีลูกหนี้ผู้หญิงอีก 2 ราย เป็นหนี้แก๊งเงินกู้นอกระบบ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดรายวัน หรือฉุกเฉินรายวันเช่น กู้ 10,000 ต้องจ่ายทุกวัน วันละ 500 บาท (24 งวด พร้อมต้น-ดอก) แต่ถ้าฉุกเฉินดอกลอยยืม 10,000 จ่ายวันละ 1,000 บาท ไม่รวมต้น ชาวบ้านเดือดร้อนตอนโควิด-19 หาทางออกไม่ได้ ตัดสินใจยืม และจ่ายต่อเนื่อง แต่ปัญหาคือบางวันขาดจ่าย หรือจ่ายได้ไม่ครบ ตามทวงต่อเนื่อง ข่มขู่ คุกคาม กดดัน หวาดกลัวในที่สุด หาทางออกไม่ได้ ต้องปิดบ้าน ปิดร้านหนีไปหลบซ่อนตามวัดโรงเรียนหรือสถานที่สาธารณะ

แก๊งทวงหนี้มาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวไปพบพอดีจึงเขาไปสอบถาม จนเกิดปะทะคารมกันขึ้น โดยแก๊งเงินกู้อ้างได้ไฟเขียวจากเจ้าหน้าที่หมดทุกระดับ ไม่ว่าระดับจังหวัด อำเภอ หรือระดับภาค ไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง โดยในขณะนี้แก๊งเงินกู้ทั้งในพื้นที่และจากต่างจังหวัดนับ 10 แก๊ง เข้ามาปักหลักในทุกอำเภอ และกระจายกันออกปล่อยเงินกู้ และตามทวงหนี้จนพลุกพล่าน ในขณะที่ประชาชนตกเป็นหนี้นอกระบบนับหมื่นราย

จากการสอบถามลูกหนี้ทุกรายยืนยันไม่โกง จะจ่ายจนครบตามที่กู้ยืม แต่อยากให้เจ้าหนี้ผ่อนปรนบ้าง ในบางวันที่ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยได้ แต่ขอลดยอดที่ต้องส่งลงครึ่งหนึ่ง เช่นหากส่งวันละ 400-500 ขอเหลือเพียง 200 บาท/วัน ลูกหนี้พร้อมดิ้นรนหามาจ่ายได้ และไม่อยากให้ถึงกับการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะอย่างน้อยในช่วงที่หาทางออกไม่ได้เจ้าหนี้เงินกู้ก็ช่วยเหลือ แต่อยากให้เข้าใจและเห็นใจผ่อนผันบ้าง ยุติการติดตามไล่ล่า ข่มขู่ คุกคาม จนต้องปิดบ้าน ปิดร้านหนี จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้.