เมื่อวันที่ 4 ก.ย. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอกสาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา นิด้า ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ศึกอำนาจยกแรก ประวิตรเหนือกว่าประยุทธ์อยู่เล็กน้อย ระหว่างที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี การต่อสู้เพื่อช่วงชิงโอกาสและภาวะการนำทางการเมืองระหว่างฝ่ายพลเอกประยุทธ์ และฝ่ายพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทันทีที่รับหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร เปิดฉากรุกทางการเมืองอย่างฉับพลัน มาตรการล้างภาพลักษณ์เดิม สร้างภาพลักษณ์ใหม่ถูกปล่อยออกมาอย่างถี่ยิบ

ภาพแห่งความชราภาพ ความอ่อนล้าโรยแรงทางร่างกายที่เดินไปไหนต้องมีคนพยุงหายไป ขณะที่ ภาพของความกระฉับกระเฉง แข็งแรงเข้ามาแทนที่ คำคม “ใจบันดาลแรง” ถูกปล่อยออกมาถูกจังหวะ และสะท้อนว่า พลังแห่งความปรารถนาในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้นมีพลานุภาพอย่างมหาศาล จนทำให้สภาพร่างกายที่เคยดูย่ำแย่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด 

ภาพที่เคยตอบนักข่าวว่า “ไม่รู้” เมื่อครั้งเป็นรองนายกฯ หายไป แทนที่ด้วยการตอบคำถามเป็นเรื่องเป็นราว และสื่อออกมาในเชิงบวกมากขึ้น

ภาพของแห่งการยื่นมือช่วยเหลือหน่วยงานท้องถิ่น ก่อนที่ถูกร้องขอก็มีให้เห็น ดังกรณีโทรศัพท์ไปยังผู้ว่าฯ กรุงทพฯ ในเรื่องการช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม การทำงานแบบประสานเครือข่าย โดยไม่ถือตัวว่ามีตำแหน่งสูงกว่าเช่นนี้ เป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่ทำให้ได้ใจคนไม่น้อยทีเดียว

ยิ่งกว่านั้น แผนงานการลงพื้นที่เพื่อติดตามงานต่าง ๆ ในต่างจังหวัด ก็มีการจัดวางอย่างเป็นระบบ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหา และการเข้าถึงประชาชน และเมื่อลงพื้นที่แล้วก็สร้างเหตุการณ์และภาพประทับใจเชิงการละครที่สามารถเป็นข่าวได้ทั้งสัปดาห์

ในช่วงสัปดาห์แรกของการรักษาการนายกฯ การเปิดเกมรุกทางการเมืองอย่างรอบด้านของฝ่ายพลเอกประวิตร ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จไม่น้อยทีเดียว

ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ ตกเป็นฝ่ายตั้งรับ แต่ก็มีความพยายามตอบโต้กลับดังการเรียกนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เข้าหารือสถานการณ์ทางการเมือง พร้อมกับปล่อยภาพของการหารือสู่สาธารณะ อันเป็นสัญญาณว่ายังพร้อมที่จะสู้เพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้ เพื่อรักษาขวัญกำลังที่กำลังตกต่ำของผู้สนับสนุนตนเอง

ตามด้วยการลงไปตรวจงานของหน่วยสังกัดกลาโหม ที่จังหวัดอยุธยา ทว่าแทนที่จะได้คะแนน กลับเสียคะแนนไปไม่น้อย ด้วยวิธีการจัดการแบบทหารที่เน้นความปลอดภัย มากกว่าการพบปะเข้าถึงประชาชน

เท่าที่เห็นจากข่าวสารต่าง ๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พลเอกประวิตรดูเหมือนจะเหนือกว่าพลเอกประยุทธ์อยู่ไม่น้อย ทั้งงานบริหารราชการ บริหารเครือข่าย และงานมวลชน  

แต่ละครการชิงอำนาจการเมืองยังไม่จบ ประชาชนก็ดูกันต่อไปว่า เมื่อฝ่ายพลเอกประยุทธ์ รู้สถานการณ์ที่เป็นรองของตนเองแล้ว และตั้งตัวได้แล้ว จะดำเนินการใช้กลยุทธ์ทางการเมืองอะไรบ้างในการโต้กลับและพลิกสถานการณ์คืนมา  

แต่หากทำไม่ได้หนทางของความพ่ายแพ้ และการปิดฉากบทบาททางการเมืองอย่างเจ็บปวดก็อาจเกิดขึ้นได้ในไม่ช้า

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต