เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 5 ( บ้านทุ่งนางแก้ว ) ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เขาขาว อ.ละงู เข้าสืบสวนสอบสวนบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นของ นางนฤมล เพ็ชรแก้ว อายุ 58 ปี ภายหลังจากที่บ้านหลังดังกล่าวถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่นับสิบนัด เหตุเกิดเมื่อเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 9 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้

ขณะที่ น.ส.ปิยนัช เพ็ชรแก้ว อายุ 21 ปี บุตรสาวของนางนฤมล ได้ร้องเรียนผ่านสื่อฯ ให้เร่งติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากทางครอบครัวอยู่ในอาการหวาดผวา ไม่รู้ว่าคนร้ายจะหวนกลับมาทำร้ายซ้ำอีกเมื่อไหร่ ส่วนสาเหตุเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้น มาจากสาเหตุเรื่องของยาเสพติด ที่พี่เขยเป็นคนสร้างปัญหาเอาไว้ สำหรับร่องรอยวิถีกระสุนนับสิบนัดที่กราดยิงใส่บ้านหลังดังกล่าว คมกระสุนถูกรถยนต์กระบะรับซื้อน้ำยางที่จอดหน้าบ้านเสียหายพังยับเยิน

นางนฤมล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2565 มีชายแปลกหน้าสองคนขี่ จยย.มาสอบถามหาตนว่าใช่บ้านของ ป้าเหม หรือไม่ ตนบอกว่าใช่ ว่ามีอะไร บอกว่า ลูกเขยของตนติดเงิน 2 แสนบาท ภายในสองวันให้รีบหามาคืน ไม่งั้นไม่รับรองความปลอดภัย ตนบอกไม่รู้เรื่องถ้าจะเอาก็ไปติดต่อกับลูกเขยเอง เพราะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว และทุกคนในบ้านก็ไม่คาดคิดว่าหลังจากมีการข่มขู่เป็นเวลา 9 วัน จะมีการมาดักยิงถล่มครอบครัวของตนจริง

ด้าน นายโกศล เพ็ชรแก้ว วัย 63 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกับคนในครอบครัว มีตน ภรรยา ลูกชาย และหลานวัย 10 ขวบ ชาย-หญิง นอนอยู่ทีวีภายในบ้าน จังหวะนั้นละครข่าวจบ ได้เดินมาปิดไฟใกล้ประตูหน้าบ้านเพียงแป๊บเดียว เสียงปืนก็ดังขึ้นรัวหน้าบ้านของตนนับสิบนัด ขณะนั้นตนและคนในครอบครัวได้หมอบด้วยความตกใจ สั่นกันทั้งเด็กผู้ใหญ่ ตนก็รีบคลานออกทางด้านหลังบ้าน หลังเสียงปืนสงบออกมาดูไม่พบคนร้าย เชื่อว่าทางคนร้ายคงจะมีการเตรียมการหลบหนีเอาไว้แล้ว และเชื่อว่าเกิดจากปมยาเสพติดจากลูกเขยที่ก่อเหตุไว้

ด้าน พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล กล่าวว่า ขณะนี้กำลังแกะรอยเส้นทางจากกล้องวงจรปิดที่ได้จากรอบข้าง และสอบสวนพยานบุคคลในครอบครัวผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคน ทางสถานีตำรวจภูธรเขาขาว มีชุดสืบสวนเร่งลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนปัญหาที่เกิดความรุนแรงที่ยิงถล่มจนบ้านพรุนนี้พบว่า เอี่ยวกับปัญหาเรื่องของยาเสพติด ส่วนตัวคนร้ายพอที่จะรู้แล้วในเบื้องต้น และน่าจะไม่อยู่ในพื้นที่แล้ว.