สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ว่า กองทัพเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธนำวิถี 2 ลูก ยังไม่ทราบชนิดที่แน่ชัด เมื่อช่วงรุ่งสางของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น โดยขีปนาวุธไต่ระดับความสูงที่ 100 กิโลเมตร และมีพิสัยทำการเป็นระยะทาง 350 กิโลเมตร ก่อนตกลงในทะเลที่ถือเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น


ข้อมูลดังกล่าวเปิดเผยโดยกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ขณะที่กองทัพเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ ประณามความเคลื่อนไหวทางทหารดังกล่าวของเกาหลีเหนือ ซึ่งนับเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 7 แล้ว ภายในระยะเวลาห่างกันเพียง 14 วัน และหนึ่งในนั้นเป็นการยิงขีปนาวุธนำวิถีพิสัยกลาง ( ไออาร์บีเอ็ม ) ผ่านน่านฟ้าทางเหนือของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2560 ที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธผ่านน่านฟ้าของญี่ปุ่น


ด้านกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธว่า “เป็นการทดสอบที่เป็นปกติ” และ “เป็นไปตามหนึ่งในนโยบายพื้นฐานของการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ” ตลอดจน “เสถียรภาพของภูมิภาค” จากการข่มขู่รุกรานโดยตรงของสหรัฐ และการทดสอบขีปนาวุธของกองทัพ ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อการบินพลเรือน และประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกองทัพเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ว่า “วิตกกังวล” ต่อการที่เรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน” เข้ามาซ้อมรบในคาบสมุทรเกาหลี


ขณะที่หลายฝ่ายในเกาหลีใต้ยังคงจับตาอย่างใกล้ชิด เกี่ยวกับการที่เกาหลีเหนืออาจทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 7 และเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้คาดการณ์กรอบระยะเวลาไว้ระหว่างวันที่ 16 ต.ค.-7 พ.ย. ที่จะถึง และวิเคราะห์ด้วยว่า การที่เกาหลีเหนือเพิ่มความถี่ของการยิงขีปนาวุธในระยะนี้ “อาจเป็นสัญญาณ” ว่าการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งต่อไป “กำลังจะเกิดขึ้น”.

เครดิตภาพ : REUTERS