เมื่อวันที่ 18 ต.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.สอท.1 ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชอาญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า ทางบช.สอท.ขอฝากเตือนภัยมิจฉาชีพ ข่มขู่ บิดเบือดข้อมูล และนำข้อมูลอันเป็นเท็จหลอกลวงปล่อยเงินกู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย การปล่อยกู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต มีโทษหนักถึงจำคุก

ดังเช่นกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอถึงกรณีแก๊งมิจฉาชีพส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ทวงถามหนี้เงินกู้ พร้อมชักชวนให้ทำการกู้เงินในวงเงินเพิ่มเติม หากไม่ชำระภายในกำหนดจะทำการประจานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงจะลงพื้นที่ไปติดตามทวงถามหนี้เงินกู้ถึงบ้าน และมีการข่มขู่จะใช้ความรุนแรง ซึ่งผู้ที่ได้รับข้อความทางไลน์นั้นไม่ได้มีการกู้ยืมเงินดังกล่าวแต่อย่างใด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดให้ปัญหาหนี้นอกระบบ การปล่อยกู้ที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เป็นปัญหาสำคัญและวาระแห่งชาติ รวมถึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนและดำเนินการสืบสวนปราบปรามตามขั้นตอนกฎหมาย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานในสังกัดเร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวน ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้กับประชาชน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้สั่งการไปยังกองบังคับการในสังกัด เร่งทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างจริงจังต่อเนื่องเด็ดขาด พร้อมสร้างการรับรู้ถึงแนวทางป้องกันภัยให้ประชาชนทราบ

การกระทำลักษณะดังกล่าว หากมีการตัดต่อ แต่งเติม ดัดแปลงภาพ บิดเบือนข้อมูล หรือนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท รวมถึงหากมีการทวงหนี้โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ฯ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การใช้วาจาดูหมิ่นหรือการเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้ของลูกหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนผู้ที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-500,000 บาทและการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และหากมีการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็อาจมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า การกู้เงินด่วนแบบออนไลน์ตามแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ รวมถึงแอพพลิเคชั่นกู้เงินที่สามารถปล่อยเงินกู้ง่าย เพราะมีเงื่อนไขน้อย โอนเงินให้ได้ในทันที มิจฉาชีพมักอาศัยช่องว่างผ่านสื่อสังคมออนไลน์หลอกลวงเอาข้อมูลหรือทรัพย์สินสร้างความเสียหายได้ อีกทั้งระหว่างวันที่ 1 มี.ค.65-10 ต.ค.65 ศูนย์แจ้งความออนไลน์ฯ พบว่ามีการแจ้งการกระทำความผิดเกี่ยวกับ การหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน จำนวน 11,903 เรื่อง คิดเป็น ร้อยละ 11.68 การเงินกู้ออนไลน์ ดอกเบี้ยเกินอัตรา จำนวน 983 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 0.96 เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนปราบปราม จับกุมผู้กระทําความผิดส่งดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายไปแล้วหลายราย

รวมถึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวงและทวงหนี้นอกระบบด้วยรูปแบบต่างๆ พร้อมแนวทางการป้องกัน ดังนี้

1.หากถูกแก๊งทวงหนี้ แอบอ้าง ข่มขู่ ควรตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนก รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบหรือให้ความช่วยเหลือ

2.ทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ เพื่อใช้ในการดำเนินคดีภายหลัง

3.หากมีความจำเป็นต้องกู้เงิน ควรกู้จากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ เพราะมีสัญญาเงินกู้ที่ชัดเจนและเป็นธรรมมากกว่า

4.วางแผนรายรับรายจ่ายล่วงหน้า และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันปัญหาเงินไม่พอใช้ ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อหนี้ หรือการกู้เงิน

5.อย่าลงโปรแกรม หรือแอพพลิเคชั่นเงินกู้เถื่อนใดๆ โดยเด็ดขาด เพราะข้อมูลส่วนตัวของท่าน และข้อมูลอื่นๆ ในโทรศัพท์จะตกอยู่ในมือคนร้ายทันที

6.ติดตามข่าวสารกลโกงของมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อกลโกงใหม่ๆ พร้อมทั้งศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกู้เกิน และจำไว้เสมอว่า ตามกฎหมายดอกเบี้ยเงินกู้ต้องไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี หรือ 1.25 เปอร์เซ็นต์ ต่อเดือน

ทั้งนี้หากพบเบาะแสการกระทำผิด หรือ ข้อขัดข้องใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 08-1866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.thaipoliceonline.com