เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีตำรวจ 191 จับกุมแก๊งค้ายารายใหญ่ ขับรถส่งยา ดัดแปลงป้ายทะเบียนรถใช้รีโมตกดเปลี่ยนทะเบียนรถเอง จนกลายเป็นคลิปที่วิจารณ์ในโซเชียล ว่า การจับกุมของตำรวจ 191 ดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ทุกหน่วยเร่งจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ สามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ได้ในพื้นที่ จ.นนทบุรี พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ จำนวน 162 กิโลกรัม เฮโรอีน จำนวน 120 แท่ง และเคตามีน 97 กิโลกรัม โดยพบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ใช้วิธีการที่แยบยล ดัดแปลงแผ่นป้ายทะเบียนรถใช้รีโมตกดเปลี่ยนทะเบียนรถเอง เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 วินาที แผ่นป้ายทะเบียนปลอมด้านหลัง จะขึ้นมาแทนทะเบียนจริงทันที ตำรวจ 191 ได้สืบสวนติดตามจนสามารถจับกุมได้ในที่สุด

สุดเกิน! แก๊งค้ายาหลบหนีตำรวจแบบ ‘หนังดัง’ ปลอมทะเบียนรถเพียงแค่กดรีโมต

โฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้กำชับให้ตำรวจทุกหน่วย โดยเฉพาะด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด และสายตรวจให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราแผ่นป้ายทะเบียน สังเกตความผิดปกติตามหลักยุทธวิธี หลังจากพบว่าคนร้ายมีการดัดแปลงป้ายทะเบียนรถใช้รีโมตกดเปลี่ยนทะเบียนรถเอง เนื่องจากกลุ่มคนร้ายอาจจะใช้วิธีการดังกล่าว เพื่อใช้ในการขนย้ายสิ่งผิดกฎหมาย หรือกระทำความผิดอื่นๆ เพื่อตบตาและหลบเลี่ยงการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวอีกว่า ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนรถ โดยการปลอมขึ้นทั้งแผ่น หรือ แก้ไขตัวเลขส่วนหนึ่งส่วนใด มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท แม้กระทั่งการใช้ป้ายทะเบียนคันอื่น ใช้แผ่นป้ายทะเบียนที่ถูกเพิกถอนแล้ว ก็เป็นความผิด ส่วนคนที่ขายอุปกรณ์ดังกล่าว อาจจะเข้าข่ายสนับสนุนการกระทำความผิดหากถูกนำไปใช้ทำผิดกฎหมาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเพิ่มความเข้มในการตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากทาง ผบ.ตร. ได้กำชับเรื่องการใช้ป้ายทะเบียนพลิกซ้อน ว่า เป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่เมื่อเข้าไปสำรวจดูในตลาดขายของออนไลน์ ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ กลับพบว่ายังคงมีการขาย รีโมตกดเปลี่ยนป้ายทะเบียนพลิกซ้อน อยู่เช่นเดิม ซึ่งจะมีราคาเริ่มตั้งต้นแต่ 5-6 พันบาท โดยไม่มีการปิดกั้นหรือชี้แจงว่าเป็นอุปกรณ์ผิดกฎหมาย ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร.