เมื่อวันที่ 29 ต.ค. น.ส.ปารีณา ไกร์คุปต อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “เมื่อประชาชน ไม่ต้องการแลกเงินลงทุนจากต่างชาติกับผืนแผ่นดินไทย สละไม่เอาเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และสละได้แม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้ลูกหลานเรา อย่างที่บรรพบุรุษไทยเคยทำกันมา

อนาคต…ถึงลูกหลานจะสามารถอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย แต่มันคือการ…เช่า…ที่มีนายกฯ กำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นต่างชาติ จึงขอให้นายกฯ ด้วยโปรดฟังเสียงประชาชน จากใจสลิ่มชื่อปารีณา ที่จะเป็น fc พลเอกประยุทธ์ตลอดชีวิต #รักเธอประเทศไทย”

ทางด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว กรณีร่างกฎกระทรวงอนุญาตให้คนต่างชาติถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ แลกกับนำเงินมาลงทุนในไทยอย่างน้อย 40 ล้านบาท ที่ยังมีข้อวิจารณ์และข้อกังวลว่าจะเป็นการเปิดช่องให้มีนอมินีทุนต่างชาติเข้ามาใช้สิทธิซื้อที่ดิน หรือมีการปลอมแปลงข้อมูลเพื่อให้เข้าเงื่อนไขใช้สิทธิได้ว่า ย้ำว่ากฎกระทรวงมีอยู่แล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2545 ซึ่งตั้งแต่ขณะนั้นจนถึงตอนนี้ มีผู้ใช้สิทธิเพียง 8 รายเท่านั้น ของเดิมขนาดไม่มีกรอบเรื่อง 4 กลุ่มนี้ ยังมีผู้ใช้สิทธิน้อยมาก 20 ปีแล้ว มีเพียง 8 ราย เท่ากับมีผู้ใช้สิทธิไม่ถึง 8 ไร่

ดังนั้นสิ่งที่หลายฝ่ายพูดกันหรือที่แสดงข้อกังวลต่างๆ ยังเป็นการสมมุติว่า ถ้าหากเกิดเช่นนั้นถ้าหากเกิดเช่นนี้ จึงขอให้ยึดข้อมูลที่เรามีอยู่ในปัจจุบันดีกว่าว่าตั้งแต่ 2545 ที่มีกฎระเบียบนี้ขึ้นมา และในขณะนั้นกฎระเบียบดังกล่าว ไม่ได้มีกรอบชัดเจนเหมือนปัจจุบันด้วยซ้ำ แต่ตามกฎหมายใหม่ที่จะเป็นร่างขึ้นมาระบุชัดเจนเลยว่า มีแค่คน 4 กลุ่มนี้เท่านั้น จึงเป็นการปรับปรุงกฎหมายเก่าให้เข้มงวดขึ้น

“ของเดิมกฎหมายที่ออกมาก็ให้เหมือนกันว่าไม่เกิน 1 ไร่ ปรากฏว่ามีใช้สิทธิไม่เกิน 8 ราย เท่ากับไม่ถึง 8 ไร่ ถามว่าที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาก็ยังไม่มีประเด็น จึงอยากย้ำให้เข้าใจว่าเป็นการปรับปรุงเพิ่มเติมกรอบให้มีความชัดเจนมากขึ้นว่าไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเดินมาลงทุน 40 ล้านแล้วจะมาซื้อที่ดิน แต่ต้องเป็นกลุ่มคนที่อยู่ใน 4 กลุ่มนี้เท่านั้น เป็นการเพิ่มกรอบไปด้วยซ้ำ ร่างกฎหมายนี้ไม่ใช่เพียงฝ่ายรัฐฝ่ายเดียวที่ดำเนินการ แต่ทั้งกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน บีโอไอ สภาพัฒน์ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นเป็นเรื่องที่น่าจะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจมากขึ้นด้วยซ้ำว่า รัฐบาลออกระเบียบหรือกรอบที่ชัดเจนในเรื่องที่จะให้คนมาลงทุนว่ามีใครบ้าง ไม่ใช่เปิดกว้างให้กับทุกคนเลย”

อย่างไรก็ตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าวนี้ เป็นการผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องของหลักการเท่านั้น หลังจากนี้ยังมีขั้นตอนต่างๆ อีก ก่อนการประกาศใช้ โดยต้องไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ดูแลในเรื่องของกฎหมาย ซึ่งจะดูในรายละเอียดเพิ่มเติมไป จนกระทั่งการนำความคิดเห็นของหน่วยงาน องค์กรต่างๆ กระทรวง รวมถึงความเห็นของสังคมในปัจจุบันมาพิจารณาด้วย ซึ่งเป็นการกลั่นกรองอีกในขั้นสุดท้าย ไม่ใช่เมื่อผ่าน ครม.แล้วจะเดินหน้าเลยทันที

เมื่อถามถึงกรณีที่ยังมีหลายฝ่ายออกมาคัดค้านและใช้คำว่ารัฐบาลขายชาติ นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลพยายามชี้แจงให้เข้าใจ โดยรัฐบาลไม่ได้มองถึงกลุ่มการเมืองกลุ่มไหน แต่มองถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศเป็นหลัก ตอนนี้เรากำลังมองดูว่าสถานการณ์โควิด-19 หลังจากนี้แล้วจะทำอย่างไรในการดึงดูดนักลงทุนเข้ามา ไม่ใช่แค่ประเทศไทยประเทศเดียว แต่หลายประเทศก็มีมาตรการขึ้นมา เราไม่อยากทำมากเท่าหลายประเทศด้วยซ้ำในเรื่องของที่ดิน แต่ทำเท่าที่กฎหมายเอื้ออำนวยอยู่ในปัจจุบัน จึงเหมือนปัดฝุ่นกฎหมายปี 45 และเพิ่มกรอบระเบียบให้ชัดเจน น่าจะทำให้ประชาชนมั่นใจมากขึ้นว่ารัฐบาลมีความรอบคอบในการดำเนินการเพิ่มเติม ไม่ใช่ออกกฎหมายใหม่