สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เฝ้าติดตามธารน้ำแข็งราว 18,600 แห่ง ทั่วแหล่งมรดกโลก 50 แห่ง และกล่าวว่า 1 ใน 3 ของธารน้ำแข็งเหล่านั้น จะหายไปภายในปี 2593

ธารน้ำแข็งมรดกโลกตามที่ยูเนสโกกำหนดไว้ แสดงถึงสัดส่วนประมาณ 10% ของพื้นที่ธารน้ำแข็งในโลก และรวมไปถึงธารน้ำแข็งที่โด่งดังของโลกบางแห่งด้วย ซึ่งความสูญเสียนั้น สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เนื่องจากพวกมันเป็นจุดโฟกัสสำหรับการท่องเที่ยวทั่วโลก

นักธรณีวิทยาเตรียมวัดความหนาของธารน้ำแข็ง บนภูเขาในเมืองกรีส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ในสวิตเซอร์แลนด์

นายทาเลส คาร์วัลโญ ผู้เขียนนำของรายงาน บอกกับรอยเตอร์สว่า ธารน้ำแข็งมรดกโลกสูญเสียน้ำแข็งโดยเฉลี่ยราว 58,000 ล้านตันทุกปี ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่ฝรั่งเศสและสเปนใช้ต่อปีรวมกัน และมีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลที่มีการสังเกตการณ์ทั่วโลกสูงขึ้นเกือบ 5%

คาร์วัลโญ กล่าวว่า มาตรการป้องกันที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียว ในการป้องกันการลดลงของธารน้ำแข็งสำคัญทั่วโลก คือ การลดการปล่อยคาร์บอนอย่างมาก

นอกจากนี้ ยูเนสโกยังแนะนำว่า เนื่องจากธารน้ำแข็งส่วนใหญ่ลดลงมากกว่าเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ หน่วยงานท้องถิ่นควรกำหนดให้ธารน้ำแข็งเป็นจุดรวมของนโยบาย ด้วยการปรับปรุงการเฝ้าติดตามและการวิจัย ตลอดจนการดำเนินมาตรการลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ.

เครดิตภาพ : REUTERS