เมื่อวันที่ 8 พ.ย. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีกสทช. เตรียมใช้เงินกองทุนซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกเป็นเงินกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเงินที่แทบจะแพงที่สุดในโลก ว่าการตัดสินใจใช้เงินกองทุนของ กสทช. ในครั้งนี้เป็นการทำผิดกฎหมาย เพราะตามกฎหมายแล้ว เงินกองทุนไม่ได้อนุญาตให้เอาไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก

“น่าแปลกที่กรณีการควบรวมทรู-ดีแทค เราขอร้องให้ กสทช.ทำตามกฎหมาย แต่ กสทช.กลับไม่ทำ แต่ในกรณีนี้ กสทช.กลับรีบบิดเบือนอำนาจของตัวเองตามใบสั่้งผู้มีอำนาจ ซึ่งการกระทำแบบนี้มันลักลั่น ย้อนแย้ง”

น.ส.ศิริกัญญายัง กล่าวว่า ที่เราต้องจ่ายเงินแพงกว่าทุกประเทศในโลก ก็มาจากกฎเกณฑ์พิลึกพิลั่นของ กสทช. เอง ทั้งกฎ must carry ที่ทำให้เราต้องซื้อลิขสิทธิ์ทุกช่องทาง ทั้งทีวี อินเทอร์เน็ต มือถือ ทำให้เราต้องจ่ายแพงถึง 1,600 ล้านบาท แพงกว่ามาเลเซียและเวียดนามที่ซื้อในราคาไม่ถึง 1,000 ล้านบาท เท่านั้น และกฎ must have ที่ทำให้ไม่มีเอกชนหน้าไหนต้องการซื้อลิขสิทธิ์ในราคาสูงถึง 1,600 ล้านบาท เพราะเมื่อซื้อมาแล้ว ต้องให้ลิขสิทธิ์กับฟรีทีวีได้ถ่ายทอดสดทุกช่องทางเช่นเดียวกัน

สำหรับวิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้ทำได้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ กสทช. แก้ประกาศของตนเองผ่อนปรนกฎเหล่านี้ให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงประเทศไทยจะสามารถเจรจาค่าลิขสิทธิ์ที่ถูกกว่านี้ได้ แต่ กสทช. กลับไม่คิดทำ ทั้งนี้ต้องขอวิงวอน กสทช. ให้ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะองค์กรอิสระ ไม่อยู่ใต้คำสั่งหรือใบสั่งจากใคร ที่ผ่านมาเราเห็นแล้วจากกรณีที่ตัดสินใจเอื้อกลุ่มทุนในกรณีควบรวมทรู-ดีแทค ไม่ยอมใช้อำนาจของตัวเองเพื่อหยุดยั้งการผูกขาดของประชาชน มาครั้งนี้ก็ได้อีกใบสั่งจาก พล.อ.ประวิตร ที่พูดใน ครม. ไม่อยากรบกวนเอกชน จึงรีบกระวีกระวาดล้วงเงินในกระเป๋าตนเองมาซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอล ซึ่งเงินส่วนนี้ ทั้งๆที่เงินส่วนที่นี้ คือเงินสำหรับการเข้าถึงดิจิทัลของเด็ก คนพิการ คนชรา

“กสทช. ต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาได้แล้ว ไม่ควรบิดเบือนกฎหมายเพื่อเอาใจใคร หรือทำตามใบสั่งใคร ไม่อย่างนั้น ประชาชนต้องเป็นผู้รับภาระเงิน 1,600 ล้านบาท เราอยากให้การดูฟุตบอลโลกฤดูกาลนี้เป็นการช่วงเวลาแห่งความสุข อย่าให้ที่มาของเงินในการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกมาจากวิธีการที่ไม่ชอบธรรมที่เบียดบังผลประโยชน์ของประชาชนอย่างนี้เลย” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว.