เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ภาพจำ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Survey) เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแก้ปัญหาแหล่งความคลาดเคลื่อนจากผู้ถามผู้ตอบและเครื่องมือวัด จำนวน 1,108 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 พบว่า

5 อันดับแรก ภาพจำ ที่ประชาชนประทับใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก่ อันดับแรก มีผลงานเด่น เช่น ความสงบบ้านเมือง แก้ปัญหาค้ามนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน (38.8%) รองลงมาอันดับที่สอง คือ ชัดเจนปกป้อง เสาหลักของชาติ (38.2%) อันดับที่สาม คือ เปิดประเทศได้สำเร็จ (34.4%) อันดับที่สี่ คือ มีความอดทน รับแบกภาระหนัก แก้วิกฤติประเทศรอบด้าน (33.8%) อันดับที่ห้า คือ ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกงกิน (33.5%)

ขณะที่ 5 อันดับแรก ภาพจำ ที่ประชาชนประทับใจ ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้แก่ อันดับแรก คือ เป็นคนรุ่นใหม่ (56.5%) อันดับที่สอง คือ เป็นบุตรสาวของ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร (56.5%) อันดับที่สาม คือ เป็นผู้หญิง กล้าทำงานการเมือง (51.1%) อันดับที่สี่ คือ รักษาฐานเดิมของ พรรคเพื่อไทย (49.3%) อันดับที่ห้า คือ สุภาพ อ่อนน้อม เรียบง่าย พูดจาดี (47.1%)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีภาพจำที่ประชาชนประทับใจอันดับแรก คือ มีผลงานแก้วิกฤติโควิด นานาประเทศยอมรับ ยกย่องประเทศไทย (44.8%) อันดับที่สอง คือ จิตใจดี มีน้ำใจช่วยเหลือชีวิตประชาชน กับภารกิจส่งหัวใจ อวัยวะผู้ป่วย (38.5%) อันดับที่สาม คือ มีความรู้ความสามารถ การศึกษาดี (31.4%) อันดับที่สี่ คือ กล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง (30.5%) และอันดับที่ห้า คือ เป็นคนทำงานจริง (30.2%)

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีภาพจำที่ประชาชนประทับใจอันดับแรก คือ ชัดเจน จงรักภักดี ปกป้องเสาหลักของชาติ ต่อต้านยกเลิก 112 (42.7%) อันดับที่สอง คือ มีวิสัยทัศน์ เศรษฐกิจโลก นโยบายเศรษฐกิจทันสมัย แก้ปัญหาปากท้อง (39.5%) อันดับที่สาม คือ สุภาพพูดจาดี ไม่ดุดัน (38.8%) อันดับที่สี่ คือ ใกล้ชิด ได้รับการสนับสนุนจาก นายชวน หลีกภัย(37.9%) และอันดับที่ห้า คือ เป็นกันเอง ชาวบ้านเข้าถึงง่ายไม่เรื่องมาก (38.8%)

นอกจากนี้ 5 อันดับแรกของภาพจำที่ประชาชนประทับใจต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พบว่า อันดับแรก คือ เป็นคนรุ่นใหม่ (48.6%) อันดับที่สอง คือ กล้าเปลี่ยนแปลง (46.0%) อันดับที่สาม คือ มีการศึกษาดี (43.7%) อันดับที่สี่ คือ มีความสามารถ (41.8%) และอันดับที่ห้า คือ เป็นคนทำงาน (41.3%)

ที่น่าสนใจคือ 5 อันดับแรกของภาพจำที่ประชาชนประทับใจต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พบว่า อันดับแรก คือ ทำหน้าที่รักษาการ นายกรัฐมนตรีได้ดี ช่วง พล.อ.ประยุทธ์ ถูกศาลสั่งพักงาน (48.2%) อันดับที่สอง คือ มีผลงาน แก้ค้ามนุษย์ หนี้นอกระบบ แก้ภัยแล้ง (41.2%) อันดับที่สาม คือ มีเครือข่าย กว้างไกล มีบารมีจัดการกลุ่มอิทธิพล (40.3%) อันดับที่สี่ คือ ชัดเจน ปกป้องเสาหลักของชาติ (37.6%) อันดับที่ห้า คือ มีประสบการณ์ จัดการการเมือง และระบบราชการ (37.4%) ตามลำดับ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า ภาพจำของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนประทับใจเป็นลักษณะเฉพาะตัวของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละคนทั้งในเรื่อง ผลงาน ประสบการณ์การเมือง บุคลิกภาพ และลักษณะเด่น เช่น ความเป็นผู้นำ และความเป็นคนรุ่นใหม่ ข้อมูลที่ค้นพบนี้นำไปสู่การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งที่ประชาชนมีเป็นภาพจำ กับ สิ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า นี่คือการรับรู้ภาพจำทางการเมืองที่แยกออกมาเป็นลักษณะเฉพาะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่ละคนแล้วการรับรู้ภาพจำนี้มีผลอย่างไรต่อการตัดสินใจของประชาชนมีอิทธิพลอย่างไรบ้าง ในเชิงปรัชญาการเมือง ภาพจำและความเป็นผู้นำสามารถแปลงออกมาเป็นการวางเป้าหมายและยุทธศาสตร์กระแสพรรคชนะการเลือกตั้งได้บนความสามารถปั่นกระแสสร้างแรงจูงใจประชาชนให้มีส่วนร่วม เช่น ช่วงวิกฤติโควิดที่ประชาชนให้ความร่วมมือกักตัวอยู่บ้านและยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่เชิงสุขภาพ ที่อาจเกิดขึ้นทั้งจากความสามารถบริหารจัดการของรัฐบาลหรืออาจเกิดขึ้นจากความกลัวของประชาชนมาเป็นส่วนประกอบ การสร้างกระแสความกลัวจากภาพจำจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในเกมการเมือง

“นอกจากนี้ ระหว่างภาพจำ อิทธิพล และ ขั้วการเมืองแบ่งซ้ายและแบ่งขวา อันไหนสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนมากกว่ากัน และจะสามารถมีทางเลือกที่สามในทางสายกลางเชื่อมทั้งสองขั้วการเมืองได้หรือไม่ งานโพลชิ้นนี้จึงเป็นการนำเสนอข้อมูลที่มีนัยสำคัญเพื่อให้เดินเกมการเมืองต่อในการตัดสินใจของประชาชน” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว