จากกรณี นายสมพร สินทอง หรือ เสี่ยสมพร เจ้าของบริษัทมงคลชัย 99 การโยธา วัย 44 ปี ที่ถูกกลุ่มมือปืนรุมยิงถล่มเสียชีวิตคารถกระบะ ดีแมคซ์ ตอนเดียวสีดำ ป้ายทะเบียน ผน 7240 สุราษฎร์ธานี เหตุเกิดบริเวณหน้าโรงพยาบาลยุพราชเวียงสระ หมู่ 10 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายเปรยกับภรรยาว่า กำลังโดนตั้งค่าหัว 3 ล้าน หลังไปรับงานก่อสร้างถนน ทำให้ตำรวจตั้งปมเหตุการสังหารว่า มาจากเรื่องขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นหลัก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะเดินทางบินด่วนมาร่วมสอบปากคำกลุ่มมือปืน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนายสมพร หลังจากติดตามจับกุมได้แล้ว 3 ราย ประกอบด้วย นายธรรมรินทร์ แสงหิรัญอายุ 55 ปี ชาว จ.ตรัง (ผู้ร่วมวางแผน) นายธนากร อักขบุตร อายุ 30 ปี ชาว จ.ตรัง (มือปืน) จับกุมได้ที่ จ.ตรัง และนายกรัณย์ จูดหอม อายุ 39 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช คนขับรถเก๋งคันก่อเหตุ จับกุมได้ที่ อ.ฉวาง นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาอีก 3 ราย ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การรับสารภาพว่า มีคนร้ายร่วมลงมือสังหารทั้งหมด 4 คน สาเหตุมาจากความขัดแย้งผลประโยชน์การรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่หลายครั้ง ซึ่งมีวงเงินไม่มาก แต่ได้มีการแย่งประมูลงานซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่า เป็นเรื่องหักศักดิ์ศรีมากกว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งรัดติดตามจับกุมตัว นายอัสดายุทธ (สงวนนามสกุล) หรือ “ผู้ใหญ่แม็ค” อายุ 42 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหารายสำคัญที่เป็นผู้จ้างวานฆ่า ไม่ใช่ผู้ขัดแย้ง ซึ่งหากได้ตัวมาแล้ว ก็เชื่อว่าจะสามารถสาวไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังการจ้างวานฆ่าที่แท้จริงได้ สำหรับประเด็นค่าจ้าง ฝ่ายผู้ต้องหาอ้างว่าได้เงินเพียง 5,000-10,000 บาทเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที้ไม่ปักใจเชื่อ ต้องรอตรวจสอบเส้นทางการเงินให้แน่ชัดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาเสร็จ นายประสิทธิ์ สินทอง อายุ 52 ปี พี่ชายนายสมพร และ น.ส.วันทณีย์ กิมเสาร์ ภรรยานายสมพร ได้นำช่อดอกไม้ขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดยนายประสิทธิ์ ถึงกับก้มลงกราบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมกล่าวว่า ถ้าไม่ได้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งตำรวจส่วนกลางมาคลี่คลายคดี เชื่อว่าคดีจะไม่คืบหน้า เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทีมมือปืนทั้ง 3 ราย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกไปที่หน้าร้านสมพรแซทเทินไลน์ ต.ทุ่งหลวง อ.เวียงสระ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาไปเฝ้ารอดูความเคลื่อนไหวนายสมพร ตั้งแต่ก่อนที่จะออกจากบ้านพัก และจุดที่สอง เป็นจุดที่กลุ่มคนร้ายขับรถเก๋งติดป้ายทะเบียนปลอม เร่งแซงขับประกบรถกระบะของนายสมพร ก่อนใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงจนอีกฝ่ายเสียชีวิต จากนั้นก็ขับรถหลบหนีออกนอกพื้นที่ โดยการทำแผนดังกล่าว มีประชาชนทราบข่าว มาเฝ้ารอดูการทำแผนจำนวนมาก ท่ามกลางฝนที่ตกลงมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องกำหนดเขตพื้นที่ทำแผน และวางกำลังควบคุมกันอย่างแน่นหนา.