ตามที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมด้วย นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง และนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พา น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ16 ปี ผู้เสียหาย หลังส่งจดหมายมาขอความช่วยเหลือ โดยอ้างว่าถูกนายจ้างและทนายความ ซึ่งเคยทำคดีให้คนดังแห่งบ้านกกกอก ข่มขืนหลายครั้ง ก่อนแจ้งความดำเนินกับคดีทนายคนดังกล่าวไว้ที่ สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 65 และระบุว่าทนายคนดังกล่าวมีพวกเป็นตำรวจหลายคน ทำให้คดีไม่คืบหน้า ซ้ำถูกคนดูแลหลอกเรียกผลประโยชน์จากการช่วยเหลือในคดี นั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายภวิศ ผาสุข อายุ 68 ปี ประธานสหภาพแรงงาน และเป็นผู้ดูแลเด็กผู้เสียหาย เดินทางมาที่ สน.สุทธิสาร พร้อมกล่าวว่า ที่ตนรู้จักกับเด็กคนนี้เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 64 มีชาวบ้านมาปรึกษาคดี เนื่องจากตนเป็นสหภาพแรงงานมา 30 ถึง 40 ปี โดยบอกว่าเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ พอได้คุยแล้วรู้สึกสงสาร จึงทำเรื่องขอบริจาคไปที่สมาชิกของตนได้มาหมื่นกว่าบาท ต่อมาวันที่ 29 ก.ย. ก็ได้ให้ทำหนังสือมอบอำนาจและหนังสือแจ้งความ ต่อมาวันที่ 8 ต.ค. 64 ตนก็ได้พาไปร้องทุกข์ที่กบินทร์บุรีทั้ง 2 โรงพัก เนื่องจากเด็กถูกนายจ้างของพ่อปลุกปล้ำข่มขืนแต่ไม่ยินยอม และลูกเลี้ยงของนายจ้างพาไปข่มขืนและกักขังหน่วงเหนี่ยว ตนจึงเข้าไปช่วยเหลือ

นายภวิศ กล่าวต่อไปว่า กระทั่งผู้ก่อเหตุถูกจับกุมไปหมดแล้ว แต่เด็กไม่มีใครดูแล ตนจึงทำหนังสือไปหาหลายหน่วยงานเพื่อให้เด็กเรียนจบ ปวช. เพื่อจะเลี้ยงดูตัวเองได้ แต่ก็ไม่มีการตอบรับจากหน่วยงานไหน กระทั่งพาไปเจอทนายคนหนึ่งที่ตนรู้จัก เพื่อจะให้พาไปหานักการเมืองคนไหนที่พอช่วยได้ เผื่อว่าจะให้ช่วยเรื่องทุนการศึกษาเด็ก โดยทนายคนดังกล่าวได้รับปากว่าจะรับผิดชอบและส่งเสียเรียนจนจบ ตนก็รู้สึกดีใจจึงให้พ่อเด็กและเด็กมาพูดคุยกับทนายคนดังกล่าว และรู้สึกว่าตนช่วยเหลือเด็กจนมาถึงฝั่งแล้ว กระทั่งเดือน เม.ย. 65 ทางเด็กติดต่อมาว่าทนายคนดังกล่าวไม่ได้ส่งเสียอะไรเลย ต่อมาตนได้ทำเรื่องร้องไปที่กระทรวงยุติธรรมได้เงินมาจำนวน 40,000 บาท โดยนำเงินบางส่วนไปรักษาดวงตาเด็ก กระทั่งเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาได้รู้ข่าวจากเด็กว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งตนก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อสอบถามแล้วเด็กก็เล่าเป็นฉากๆ

นายภวิศ กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังเกิดเหตุตนก็ประสานไปที่ทนายคนดังกล่าวว่าเป็นเรื่องจริงไหม ต่อมาเด็กได้ย้ายออกไปอยู่กับเพื่อน และทางคุณครูได้บอกว่าอย่าไว้ใจตน เนื่องจากตนอยู่ฝ่ายเดียวกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งครั้งแรกตนต้องการที่จะให้หมอปลา และกัน จอมพลัง ช่วยดำเนินการ เนื่องจากยังมีคดีคาไว้ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ส่วนประเด็นที่มีบุคคลอื่นนำเงินเรียกรับผลประโยชน์จากตัวเด็กนั้น ตนก็รู้สึกแปลกๆ ทีแรกตนจะไม่ไปหาทนายตั้มที่สำนักงาน จะให้หมอปลา และกัน จอมพลัง ช่วยแทน แต่ทางทนายตั้ม ได้บอกกับตนว่าเดี๋ยวรอไปให้สัมภาษณ์ตอนแจ้งความที่ สน. รอบเดียวเลย จนบ่าย 3 โมงได้นำตัวเด็กออกไปไหนไม่ทราบ และตนโทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด
ตนรอจนถึง 5 โมงเย็น ซึ่งตนไม่รู้ว่าพาเด็กมาที่นี่ แล้วก็ไม่รู้ว่าถ้าทนายตั้มมีเจตนาอะไร แต่มองว่าเจตนาไม่สุจริต ส่วนเงินที่รับมามีจำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรก 10,000 บาท แต่เป็นช่วงที่เด็กถูกล่วงละเมิดและต้องย้ายห้องก็จะมีค่าใช้จ่าย ซึ่งตนมีสลิปการโอนเงินอยู่ และครั้งที่ 2 ที่มีการละเมิดทางเพศแล้ว ทางเด็กขอเงิน 1 แสนบาท โดยเด็กบอกกับตนว่าต้องการ 1 แสนบาทเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่จะได้ไม่ต้องอยู่กับเขา ตนจึงให้ไปคุยกันเองไม่อยากเข้าไปยุ่งกลัวจะเสียผลประโยชน์ ต่อมาเด็กมีการอัดคลิปเสียงขณะคุยกับทนายคนดังกล่าวไว้ เมื่อตนรู้จึงส่งไปให้กับทางฝั่งผู้ก่อเหตุว่าให้รีบเคลียร์เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งตนก็เป็นทีมงานทนายของทนายดังบ้านกกกอก ถึงจะเป็นตัวกลางเคลียร์ให้มันจบไป กระทั่งทางฝั่งทนายคนดังกล่าวบอกกับตนว่าวางแผนจะรีดทรัพย์กันใช่หรือไม่ แต่ตนได้บอกไปว่าแค่ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่

นายภวิศ กล่าวอีกว่า จากเงิน 1 แสนต่อรองไปมา เด็กจะเอา 50,000 บาท แต่ทางผู้ก่อเหตุหาไม่ทัน หาได้แค่ 20,000 บาท โดยเงิน 2 หมื่นตนได้ให้เด็กไป 3 ครั้ง ครั้งแรก 10,000 ครั้งที่สอง 6,000 ครั้งที่สาม 2,000 ซึ่งเป็นจังหวะที่ช่วงนั้นตนยอมรับว่าช็อตเงิน จึงขอเด็กไว้ 2,000 บาทเพื่อเป็นค่าน้ำมันพาไปศาลที่กบินทร์บุรี นอกจากนี้ครั้งสุดท้ายได้เงินมา 35,000 บาท แต่เด็กให้ค่าน้ำมันตนมา 3,000 บาทเพื่อขี่ไปศาลที่จังหวัดปราจีนบุรี วันที่ 17 ต.ค. และวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนที่มีการพูดว่ามีการเรียกหลักล้านบาทแต่เด็กต่อเอาแค่หลักแสนนั้น เด็กไปปรึกษากับเพื่อนแล้วมาบอกตนว่า จะเรียกเงินสักล้านสองล้านได้ไหม ตนเลยบอกว่าหากเรียกเท่าไหร่ก็ได้แต่เงินจะไม่ได้ ส่วนที่ทนายตั้มกล่าวหาว่าตนเป็นคนเรียกรับเงิน ตนจะขอฟังจากเทปที่ทนายตั้มออกมาให้สัมภาษณ์ หากมีการพาดพิงถึงตนก็จะดำเนินคดีกลับเช่นกัน.