เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ประกอบกับเป็นฤดูการท่องเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และยาวไปถึงวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ก็จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ เริ่มวางแผนในการพาครอบครัว คู่รัก ออกเดินทางเที่ยวต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ป่าเขา เพื่อสัมผัสอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงสวนดอกไม้ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ เพื่อไปเช็กอินเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่ “สวนดอกไม้วนิดา” ถนนศรีสะเกษ-กันทรารมย์ หลักกิโลเมตรที่ 13 ตั้งอยู่บนพื้นที่บ้านกะบา ต.โพนเขวา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเริ่มมีแนวคิดผุดไอเดียเปลี่ยนทุ่งนาที่แห้งแล้งให้เป็นสวนดอกไม้ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก จุดเช็คอิน และจุดถ่ายรูป สำหรับนักท่องเที่ยว บนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ที่มีการเนรมิตพื้นที่ออกแบบได้อย่างสวยงาม เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

นางสายชล โพธิ์พัฒน์ อายุ 56 ปี เจ้าของ “สวนดอกไม้วนิดา” เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนประกอบอาชีพค้าขาย เปิดร้านดอกไม้ในตัวเมืองศรีสะเกษ ต่อมาได้ประสบปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลทำให้ร้านดอกไม้ได้รับผลกระทบยอดขายตก ค้าขายไม่ค่อยดีเหมือนเช่นเคย บางครั้งรับดอกไม้มาขายก็ประสบปัญหาขาดทุน ตนจึงมีแนวคิดที่อยากจะเปลี่ยนพื้นที่นามาปลูกสวนดอกไม้ ซึ่งตนมีที่ทั้งหมด 50 ไร่ ตอนแรกมีแนวคิดแค่ว่า ปลูกดอกไม้เองเพื่อเป็นการลดต้นทุน เผื่อได้เอาไปขาย หรือเก็บเอาไว้ชม แต่พอมาปลูกกลับเกิดเป็นความรัก จึงมีแนวคิดอยากสร้างให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นแลนด์มาร์คใหม่ของ จ.ศรีสะเกษ ยอมรับว่าเป็นความชอบส่วนตัว ตัดสินใจเอาเงินที่ตนเองเก็บสะสมมาทั้งชีวิต 3.5 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจาก ธ.ก.ส.สาขาศรีสะเกษ อีก 1.5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท มาลงทุนปรับพื้นที่ ซื้อพันธุ์ดอกไม้มาปลูก ออกแบบร้านกาแฟและมุมถ่ายรูป ส่วนดอกไม้ที่นำมาปลูกส่วนใหญ่จะเป็นดอกมากาเร็ตญี่ปุ่น 5 สี ประดอบด้วย สีแดง ขาว ม่วง ชมพู และสีบานเย็น รวมถึงดอกคอสมอส ดอกดาวเรือง และดอกทานตะวัน

ตนไม่ได้คิดคาดหวังอะไรเยอะจากที่ตนตัดสินใจลงมือทำในครั้งนี้ ตนอยากให้ภาคอีสานของเรามีสวนดอกไม้สวยๆ โดยไม่ต้องเดินทางไปชมไกลถึงภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย หรือในต่างจังหวัด ซึ่งสวนดอกไม้วนิดา แห่งนี้ อยู่ไม่ไกลจะตัวเมืองศรีสะเกษ มากนัก ระยะทางจากตัวเมืองมาถึงสวน เพียงแค่ 13 กิโลเมตร หากมาจากตัวเมืองศรีสะเกษ เลี้ยวขวาเข้าซอยบ้านกะบา ใกล้เขตรอต่อระหว่าง อ.เมือง กับ อ.กันทรารมย์ เข้ามาประมาณ 150 เมตร ก่อนถึงสะพานข้ามคลอง แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปตามเส้นทางก็จะถึงจุดหมาย โดยทางสวนจะเริ่มเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยมีค่าบริการเข้าชมสวน ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท ส่วนหางบัตรทุกใบสามารถแลกน้ำหวานจากทางสวนได้ 1 แก้วอีกด้วย

ด้าน ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนทำเรื่องการท่องเที่ยวและช่วยโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีการเปิดสวนดอกไม้แห่งนี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด ในการนำเงินทั้งหมดที่มีมาเทหมดหน้าตักเพื่อมาลงทุนทำ ซ้ำยังต้องกู้เงินมาเพิ่มเพื่อให้งานสำเร็จอีก จนกลายเป็นสวนดอกไม้ที่สวยงาม จึงมีความรู้สึกทั้งชื่นชมและเห็นใจ อยากให้กำลังใจคนที่ทำด้วยใจรักเพื่อสร้างแลนมาร์คตามความฝัน

เพราะในจังหวัดใกล้เคียงก็มีที่ขอนแก่นที่มีสวนดอกไม้สวยงาม แต่ก็ไกลจากบ้านเรามาก เชียงใหม่ ภาคเหนือ ก็ยิ่งไกล ถ้าศรีสะเกษ มีสวนดอกไม้ที่มีบริเวณกว้างถึง 50 ไร่ ก็ถือได้ว่าเป็นสวนดอกไม้ใหญ่ที่น่าสนใจ ควรค่าแก่การมาชม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ที่อยู่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชม ดอกไม้ที่ปลูกก็เป็นดอกไม้ต่างประเทศด้วย และยังได้ให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ชุมชนมาช่วยกันทำงาน ทำให้มีรายได้จากการเปิดสวน สร้างรายได้ให้ชุมชน และประเทศด้วย อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ให้มาเที่ยวชมกันเยอะๆ โดยเฉพาะช่วงนี้อากาศดี ดอกไม้สวยงาม มีการเปลี่ยนดอกไม้ไปตามฤดูกาล ไม่ได้ปลูกดอกไม้ชนิดเดียว และจะมีให้ชมและเที่ยวได้ทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี รับรองว่าจะประทับใจไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน.