ในสัปดาห์ก่อนหน้าวันคริสต์มาส บรรดาลูกศิษย์ของ เลออน เฟอร์รารา ครูสอนโยคะในเมืองกัวดาลาฮาราแห่งเม็กซิโก พบว่า เขาหายตัวไประหว่างที่พาสุนัขของเขา 2 ตัว ไปเดินเล่น ต่อมา เพื่อนๆ ของเขาก็รีบไปแจ้งความคนหายกับตำรวจ

แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า ชายที่พวกเขาเป็นห่วงเป็นใยนั้น ไม่มีตัวตนอยู่จริง เฟอร์รารา ไม่ได้หายตัวไป แต่เขาโดนเจ้าหน้าที่เอฟบีไอจับกุมตัวไปเมื่อตอนต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา

ที่จริงแล้ว เฟอร์รารา เป็นชื่อปลอม และตัวตนปลอมของ ฮอร์เฮ รุเอดา ลันเดรอส ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมที่สหรัฐ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2553 โดยเหยื่อในคดีนี้คือ ซู มาร์คัม อาจารย์หญิงจากมหาวิทยาลัยอเมริกันในกรุงวอชิงตัน ดีซี ส่วนที่เกิดเหตุเป็นบ้านของเธอเอง ที่เมืองเบเธสดา รัฐแมริแลนด์ 

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพของ มาร์คัม ในบริเวณชั้นใต้ดินของบ้าน และตั้งข้อสันนิษฐานในเบื้องต้นว่า เป็นการบุกรุกและปล้นทรัพย์ ทว่า ต่อมากลับพบว่า ลันเดรอส คือผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง

ทางเอฟบีไอชี้ว่า ลันเดรอส รู้จักกับ มาร์คัม ในชั้นเรียนภาษาสเปนที่เขาเป็นคนสอน ทั้งคู่สนิทสนมและเกี่ยวข้องกัน โดยมีเรื่องการเงินเป็นหลัก ซึ่งรวมถึงการทำกรมธรรม์ประกันชีวิตที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอระบุว่า เป็นแรงจูงใจหลักในการฆาตกรรม 

มาร์คัส โจนส์ หัวหน้าหน่วยตำรวจเขตมอนต์โกเมอรีเคาน์ตี บรรยายการฆาตกรรม มาร์คัม ว่า เป็นอาชญากรรมที่ “ชั่วร้าย” และกล่าวหา ลันเดรอส ว่าเป็น “ฆาตกรเลือดเย็น”

โฉมหน้าของ ลันเดรอส ซึ่งหนีคดีฆาตกรรมไปกบดานที่เม็กซิโก โดยใช้ชื่อปลอมและยึดอาชีพเป็นครูสอนโยคะ

ลันเดรอส เกิดที่เม็กซิโก เขาจึงหาทางกลับไปที่นั่นเพื่อซ่อนตัว หลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมเป็นเวลานานถึง 12 ปี เขาโดนเจ้าหน้าที่สหรัฐ ตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน รวมถึงเดินทางออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย เพื่อหลบเลี่ยงการดำเนินคดี ซึ่งทำให้เขาอยู่ในรายชื่ออาชญากรที่ทางการต้องการจับตัวมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ลันเดรอส ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของเม็กซิโกว่า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีของ มาร์คัม พร้อมทั้งเสริมว่า เขาไม่เคยติดตามข่าวคราวของคดีนี้เลยตลอดเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา โดยอ้างว่า หลังจากที่หลบหนีออกมาแล้ว เขาก็ลืมเรื่องราวทั้งหมด แม้กระทั่งชื่อเดิมของตัวเอง เขาก็แทบลืมไปแล้ว

ลันเดรอส กล่าวว่า เขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อตอนที่มีการฆาตกรรม และอ้างว่า เหตุที่เขาต้องหลบหนีมายังเม็กซิโกนั้น เป็นเพราะว่าในบ้านของผู้ตาย มีร่องรอยดีเอ็นเอของเขา เพราะเขาและ มาร์คัม “เคยมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด” และอ้างว่า ครั้งสุดท้ายที่เขาพบเธอนั้น เป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุร้ายกับเธอ

หนึ่งในบรรดาลูกศิษย์จากชั้นเรียนโยคะของเขาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เธอรู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมากเมื่อรู้ความจริง 

ขณะนี้ทางเอฟบีไอยังไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการจับกุมครั้งนี้ และความคืบหน้าในคดีของ มาร์คัม แต่อย่างใด.

แหล่งข่าว : foxnews.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, FBI Photo