เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กรณีที่เป็นคนยื่นข้อมูลหลักฐานให้ บก.ปปป. ตรวจสอบ นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช หลังพบพฤติการณ์เรียกรับเงินสินบนวิ่งเต้นตำแหน่งกับเจ้าหน้าที่ในสังกัด ซึ่งเป็นความผิดตาม มาตรา 149 ฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ” และมาตรา 157 ฐาน “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” โดยขณะนี้นายรัชฎา ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หลังถูกตำรวจ ปปป.จับกุมดำเนินคดี

นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้นำเอกสารข้อมูลเข้าไปให้ปากคำและรายละเอียดกับคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อนจะเดินทางมายัง บก.ปปป. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายชื่อบุคคลที่ปรากฏบนซองเงินว่าเป็นใคร รับราชการอยู่ส่วนไหนโดยเชื่อมั่นในหลักฐานของ ปปป.และ ป.ป.ช. ที่เข้าไปตรวจค้นพร้อมถ่ายคลิปหลักฐานไว้อย่างชัดเจนและเผยแพร่ต่อสังคม ทั้งนี้ ยืนยันตนไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือมีข้อขัดแย้งส่วนตัวกับอธิบดีฯ และไม่คิดว่าจะมีการล้มคดี เพราะสังคมเห็นพฤติกรรมหมดแล้ว

ส่วนข้อมูลที่ได้รับการเรียกร้องได้รับรู้มาตั้งแต่ตนกลับเข้ามารับตำแหน่งว่ามีการรังแกมาโดยตลอดและต้องจ่ายเงินรายเดือนให้ผู้ใหญ่ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานต่างเดือดร้อน เพราะต้องยอมกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายสินบน

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนเคยเข้าไปคุยกับนายรัชฎาปลายเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา หลังพยายามติดต่อผ่านหน้าห้องถึง 2 ครั้ง จนได้เข้าไปคุยกับอธิบดีฯ โดยตนบอกว่า “ขออย่าเก็บเลย” และชี้แจงปัญหาของลูกน้องชั้นผู้น้อยให้ฟัง แต่อธิบดีฯ ก็ไม่ยอม ยังยืนยันให้จ่ายเงินดังกล่าว ตนจึงตัดสินใจส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่นำไปสู่กระบวนการจับกุมในวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยตนได้นำเงิน 98,000 บาทไปมอบให้ ก่อนนำไปสู่การจับกุมอธิบดีฯ ของ บก.ปปป. ปปท. และ ป.ป.ช.

ส่วนกรณีก่อนหน้านี้เคยมีการจ่ายสินบนลักษณะดังกล่าวในองค์กรหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การให้เป็นวัฒนธรรมของคนไทย ทั้งการให้ด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ยอมรับว่ามี แต่วัฒนธรรมการเรียกทุกเม็ดทุกขั้นแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน ส่วนใครจะจ่ายหรือไม่จ่าย ตนไม่รู้เห็น และตั้งแต่ทำงานตนไม่เคยต้องจ่ายหรือเรียกเก็บเงินใคร แต่ปัจจุบันมีการจ่ายให้ในลักษณะทอนเงินบริหารในอัตรา 18.5 ต่อปี เช่น งบลงไป 100 บาท ต้องทอนคืน 18.50 บาท จากนั้นก็นำมาหาร 12 เดือน เพื่อเป็นจำนวนยอดส่งรายเดือน และหลังจากที่เรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยก็มีหลายส่วนที่เข้ามาให้กำลังใจ พร้อมขอบคุณที่ทำเพื่อองค์กร ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ทั้งหมดรับปากจะตอบแทนด้วยการช่วยรักษาป่า และก็มีบางส่วนที่เป็นกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ได้ข่มขู่ผ่านแชตไลน์เข้ามา แต่ตนไม่กลัวและไม่สนใจเรื่องนี้

สำหรับประเด็นที่ระบุว่า นายชัยวัฒน์ และนายรัชฎา เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเรียนสถาบันเดียวกันนั้น นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ได้สนว่าอธิบดีฯ จะจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันหรือเป็นนาย เพราะถ้าใครทำผิดก็ต้องรับผิด และยึดการพิทักษ์ป่าเป็นหลัก ส่วนข้อสงสัยของสังคมว่าทำไมตำรวจจึงไม่เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายรัชฎาเพื่อขยายผลหาหลักฐานนั้น ตนไม่มีความเห็น แต่เชื่อมั่นว่า ป.ป.ช. และ บก.ปปป. มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้.