เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบ กรณีที่ นายดำรงค์ พิเดช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคโอกาสไทย อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ได้ออกมาเปิดเผย ในรายการทีวีรายการหนึ่งว่า ได้รับการร้องเรียนว่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ว่ามีการเรียกเก็บเงินจากรถสองแถวที่วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด รายละ 16,000 บาท จำนวน 50 คัน รวมถึงการก่อสร้างต่อเติมในพื้นที่อุทยานฯที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการอนุญาต ทั้งที่ทำไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย

เมื่อเดินทางไปถึงเกาะเสม็ด สอบถามกับผู้ประกอบการรถสองแถวรายหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า เรื่องที่เรียกเก็บเงินจากรถสองแถว จำนวน 16,000 บาท เป็นความจริง ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ต้องวิ่ง โดยอ้างว่า มีโครงการจะเอากระเช้าไฟฟ้ามาแต่ทางอุทยานฯเบรกไว้ รถโดยสารทั้งหมดบนเกาะเสม็ด จำนวน 60 คัน รวมเป็นเงิน 960,000 บาท จึงจำเป็นต้องจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการได้วิ่งรับผู้โดยสารต่อไป ใครจ่ายจะได้สติกเกอร์มา 1 แผ่น ติดรถเพื่อแสดงว่าสามารถวิ่งรับผู้โดยสารได้ โดยเรียกเก็บไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แล้วยังต้องเสียรายเดือนอีกคันละ 330 บาทต่อคัน

นอกจากนี้ยังมีการเรียกเก็บ รถจยย.รับจ้าง ทั้งหมด 660 คัน คันละ 1,600 บาท รวมเป็นเงิน 1,056,000 บาท และ ยังมีการเรียกเก็บเงินจากหาบเร่แผงลอย เป็นรายเดือน โดยมีหลักฐานการจ่ายเงินแลพการพูดคุยกันในไลน์กลุ่ม เกี่ยวกับเรื่องการเรียกเก็บเงิน ค่ารถยนต์โดยสารและรถจยย.

ส่วนกรณีที่มีการเรียกรับผลประโยชน์ ตากการต่อเติม และ ก่อสร้างที่พักขึ้นใหม่ พบว่ามีการก่อสร้างใหม่ขึ้นหลายแห่งจริง

ส่วนผู้ประกอบการเรือโดยสาร ต่างก็เดือดร้อน เพราะถูกขึ้นค่าธรรมเนียมเรือทุกขนิดที่ผ่านเข้าออกพื้นที่อุทยานฯ โดยมีการขึ้นราคาจากเดิมถึง 3 เท่าตัว จึงเดือดร้อนกันมาก เพราะทุกรายต่างก็เพิ่งผ่านวิกฤตจากสถานการณ์โควิด19ระบาด ก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมกัน

ผู้ประกอบการ ยังได้เปิดเผย ถึงเรื่องการเก็บเงินค่าผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด คือ พื้นที่ทั้งหมดในอุทยานฯ แต่กลับมีการตั้งกฎขึ้นใหม่ ว่า หากนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการไปดำน้ำใต้เกาะกุฎี เกาะทะลุ และ เกาะปลานตีน ต้องเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 100 บาท ทั้งๆที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด จึงสร้างความไม่พอใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องมาจ่ายซ้ำซ้อน ผู้ประกอบก็ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ กับมาตรการดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีปรากฎ

ผู้ประกอบบนเกาะเสม็ดต่างก็เดือดร้อนกันอย่างหนัก ไม่จ่ายก็ทำมาหากินไม่ได้ หลายรายต้องไปกู้ยืมเงินมาจ่าย เพราะไม่มีทางเลือก จึงวิงวอนขอให้ทางผู้ใหญ่ในกระทรวงลงมาตรวจสอบโดยเร็ว.