เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายภาณุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ยื่นแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ทวงถามความคืบหน้าการคืนความชอบธรรมให้บุคลากรกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเรียกรับสินบนของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานฯ โดยมีนายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นผู้รับแถลงการณ์

นายภาณุเดช กล่าวว่า หลังจากกระทรวงทรัพยากรฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่ามีมูลความผิดทางวินัยในการเรียกรับเงินจริง โดยล่าสุดกระทรวงฯ ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายรัชฎา มูลนิธิสืบฯ จึงขอแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว 3 ข้อ คือ 1.ควรมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินขบวนการทุจริตเรียกรับสินบนของกรมอุทยานฯ โดยให้ขยายผลเพื่อให้เชื่อมโยงไปถึงผู้ร่วมกระบวนการกระทำผิด รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกลำดับชั้นของกระบวนการทุจริตในครั้งนี้ทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ที่มีรายชื่อปรากฏอยู่บนซองที่พบในห้องทำงานอธิบดีกรมอุทยานฯ และควรโยกย้ายเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใส

2.ขอให้กระทรวงทรัพยากรฯ แถลงความคืบหน้าของการสืบสวนอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ทำงานภายใต้หลักฐานข้อเท็จจริงด้วยความรอบคอบชัดเจน เพราะเป็นคดีใหญ่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน และ 3.ขอให้กรมอุทยานฯ กระทรวงทรัพยากรฯ และรัฐบาล ออกมาชี้แจงความคืบหน้าในการคืนความชอบธรรมให้แก่บุคลากรของกรมอุทยานฯ ที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม และให้จัดทำโครงสร้างเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path) ให้การบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วนภายใน 3 เดือน

ขณะที่ นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่าในเรื่องของการตรวจสอบเส้นทางการเงิน มีหน่วยงานทั้งกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) รวมทั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงของกระทรวงทรัพยากรฯ กำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานตรงนี้อยู่แล้ว แต่ต้องขอเวลาให้หน่วยงานได้ทำงานอย่างรอบคอบ ให้มีหลักฐานที่ชัดเจน เราเป็นนักวิชาการจะทำงานต้องมีหลักฐานเพื่อใช้การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และนำไปประกอบการพิจารณาทางวินัยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนเรื่องโยกย้ายผู้ที่มีรายชื่อปรากฏอยู่บนซองยังไม่มีการพิจารณาโยกย้าย เพราะทุกคนอยู่ในฐานะพยานในคดี ยืนยันว่ากรมอุทยานฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจแน่นอน

ส่วนการจัดทำโครงสร้างเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพนั้น กรมอุทยานฯมีแผนงานตรงนี้อยู่แล้ว แต่อาจต้องเพิ่มเนื้อหาข้อมูลบางส่วนเพื่อให้โครงสร้างฯ มีประสิทธิภาพ และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการ พนักงานของกรมอุทยานฯ ที่ทำงานอยู่ทุกแห่งหนได้มีหลักประกันความเติบโตของหน้าที่การงาน ซึ่งภายใน 3 เดือนจะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น.