เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการจัดประชุมใหญ่สามัญพรรค ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการแก้ไขข้อบังคับพรรคต่างๆ รวมถึงมีการแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า มีกรรมการบริหารพรรคลาออก 3 คน คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลาออกจาก ผอ.พรรค นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลาออกจาก กก.บห. และนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ลาออกจากนายทะเบียนพรรค จากนั้นได้มีการเสนอให้สมาชิกลงมติเลือกกรรมการบริหารพรรค จำนวน 3 คน ทดแทนตำแหน่งที่ว่างคือ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และนายอภิชัย เตชะอุบล เป็นกรรมการบริหารพรรค

ต่อมาที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นบุคคลที่พรรค พปชร. เสนอให้ได้รับการพิจารณาเป็นนายกฯ โดยเสนอเพียงชื่อเดียว โดยขั้นตอนจากนี้จะมีการเสนอต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

ขณะที่ นายวิรัช กล่าวว่า วันนี้ต้องถือว่า พปชร.เราก้าวนำในพื้นที่ เราเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ก่อนทุกพรรค โดยเสนอเพียงชื่อเดียว ซึ่งพวกเราหมายมั่นปั้นมือกันทุกคน เราจะต้องร่วมแรงร่วมใจ หรือเอาใจบันดาลแรง ที่จะทำให้แคนดิเดตนายกฯ พปชร. ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 และจากการที่เราเสนอจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เราก็ได้เป็นนายกฯ คราวนี้เรามีความเชื่อมั่น 100% หรือ 1,000% ก็ว่าได้ว่า หัวหน้าพรรค พปชร.จะได้เป็นนายกฯ แน่นอน นอกจากนี้ขอแจ้งให้สมาชิกพรรคเข้าร่วมงานระดมทุนในวันที่ 30 ม.ค. 66 อย่างพร้อมเพรียง ห้ามขาด

ขณะเดียวกัน นโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งโดยเฉพาะนโยบายแรกคือ บัตรประชารัฐ 700 บาท และจากสโลแกนของ พปชร. เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาพื้นที่ อยากให้ทุกคนช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันไปหาเสียงกับประชาชน จะใช้คำว่า 700 ทั่วไทย หรือจะใช้คำว่า ป้อม 700 หัวหน้าพรรคไม่ได้ขัดข้อง

จากนั้น นายไพบูลย์ แถลงผลการประชุมใหญ่สามัญพรรค ว่า ประเด็นสำคัญของการประชุมคือ การแก้ไขข้อบังคับ โดยเฉพาะการคัดเลือกเสนอบุคคลที่เห็นสมควรเสนอให้พิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งปกติต้องรอให้มีการประกาศเลือกตั้งทั่วไปก่อน จึงจะดำเนินการ แต่เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐอยากให้เกิดความชัดเจน จึงได้ดำเนินการก่อนจะมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การเลือกตั้งออกมา

โดยที่ประชุมใหญ่ได้ดำเนินการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ หลังตนได้รับฟังความเห็นจาก ส.ส. ตัวแทนพรรค สาขาพรรค และสมาชิก ทุกท่านเห็นตรงกันว่าพรรคต้องเสนอบุคคลที่สมาชิกพรรคเคารพสูงสุด และเป็นศูนย์รวมจิตใจมาโดยตลอด คือ พล.อ.ประวิตร จึงได้เสนอท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ และศักดิ์ศรีของพรรค

“ทุกคนเห็นตรงกันเสนอ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงท่านเดียว เพื่อคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์ศรีของพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องเสนอท่านที่สูงสุด เหมาะสมที่สุด ที่ประชุมทุกระดับชั้น เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร มีความเหมาะสม เชื่อว่าท่านจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แน่นอน” นายไพบูลย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน มี 21 คน ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประวิตร 2.นายวิรัช 3.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค 4.นายไพบูลย์ 5.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค 6.นายสันติ 7.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค 8.พล.อ.กฤษณ์โยธิน 9.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กรรมการบริหารพรรค 10.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กรรมการบริหารพรรค 11.นายนิโรธ สุนทรเลขา กรรมการบริหารพรรค 12.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหารพรรค 13.นางประภาพร อัศวเหม กรรมการบริหารพรรค 14.นายยงยุทธ สุวรรณบุตร กรรมการบริหารพรรค 15.นายรงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรค 16.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร กรรมการบริหารพรรค 17.พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค 18.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ กรรมการบริหารพรรค 19.นายสกลธี 20.นายบุญสิงห์ กรรมการบริหารพรรค และ 21.นายอภิชัย กรรมการบริหารพรรค

สำหรับการประชุมใหญ่สามัญของพรรคครั้งนี้ แกนนำกรรมการบริหารพรรค ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิก เดินทางมาร่วมประชุมจำนวนมาก ขาดเพียง พล.อ.ประวิตร ติดราชการ นายสมศักดิ์ ติดภารกิจลงพื้นที่ นายอนุชา น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ มากันเกือบพร้อมเพรียง ไม่ว่า นายสันติ นายสุริยะ นายชัยวุฒิ นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตร โควตากลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า.