จากกรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาหนุ่มวิศวะผู้เสียหายซึ่งถูกลูกน้องของ นายตำรวจยศ “พล.ต.ต.” เจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทำร้ายร่างกายเรื่องทำยอดตก ก่อนปล่อยตัวออกมา เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมในเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากฝ่าย “พล.ต.ต.” รายนี้อ้างว่า เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ รอง ผบ.ตร. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้รับเรื่องไว้ พร้อมกับมอบหมายให้ทีมงานทำการสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียด โดยยืนยันว่า จะดำเนินคดีอย่างไม่ละเว้น และจะประสานเจ้าหน้าที่ให้ความคุ้มครองกับทางผู้เสียหาย รวมถึงจะนำเรื่องไปนำเรียน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ทราบ ยืนยันว่า ภายใน 2-3 วัน ความจริงก็จะปรากฏ

“…เราเป็นตำรวจ เรารู้จักหมดทั้งโจร คนดีและคนไม่ดี เพราะตำรวจอยู่ใกล้ประชาชน แต่เมื่อรู้จักแล้วต้องยึดการทำหน้าที่เป็นหลัก ถ้าเป็นเพื่อนกันทำไม่ดีก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย บ้านเมืองเรามีขื่อมีแป อยู่ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะไปตบตีใครหรือทำผิดกฎหมายได้ หรือจะไปจ้างยิงใครก็ยิงได้ เช่น ตนเคยมีพรรคพวกเป็นกำนันอยู่ทางภาคใต้ เมื่อมีเหตุยิงกันในพื้นที่สุราษฎร์เมื่อปี 65 พอสืบไปสืบมาพบว่าเป็นกำนันอยู่ที่จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพรรคพวกที่รู้จักกัน ก็ต้องบอกว่า เป็นเพื่อนกันกินข้าวกันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไปจ้างยิงใครก็ได้ ก็ต้องออกหมายจับแล้วให้ไปมอบตัวสู้ชั้นศาลเอา หากช่วยเหลือกันก็ไม่สามารถปกปิดได้ เนื่องจากทุกวันนี้มีโซเชียลเต็มไปหมด…” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังให้ข้อมูลเชิงลึกด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการกระทำความผิดเบื้องต้น ยังพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเป็นตำรวจนายเดียวคือยศ “พลตำรวจตรี สังกัด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด” ซึ่งหลังจากที่ได้ข้อมูลแน่ชัดแล้ว ก็จะสั่งการไปยังต้นสังกัดคือ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหากพบว่า นายตำรวจคนดังกล่าวกระทำผิดจริง และมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดโดยไม่ละเว้น

เบื้องต้น จะเข้าข่ายฐานผิดทางคดีอาญาตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และอีกส่วนจะต้องตรวจสอบความผิดทางวินัย ซึ่งก็อาจจะมีตั้งแต่ไล่ออกจากราชการ ปลดออกจากราชการ หรือพักราชการ ซึ่งในส่วนนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของนายพลคนดังกล่าว ที่จะต้องพิจารณา รวมถึงหากตรวจสอบพบว่ามีตำรวจคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกัน.