จากเหตุการณ์ลูกจ้างแรงงานชาวเมียนมา 3 พ่อลูก ฆ่านายจ้างชาวม้ง ยกครัวพ่อแม่ลูกรวม 5 ศพ เหตุเกิดที่กลางไร่ขิงบนดอยบ้านปางสังกะสี หมู่ 11 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.วังเจ้า หลังก่อเหตุใช้เส้นทางหลบหนี บ้านปางสังกะสี ไปยังชายแดนอำเภอพบพระ สามารถข้ามไปยังจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา  ตำรวจชุดสืบสวนไล่ล่ายังไร้วี่แววฆาตกร 3 พ่อลูกชาวเมียนมาตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ผู้สื่อข่าว รายงานว่า  ทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค  6  ได้ส่งชุดสืบสวน  มาทำงานร่วมกับชุดสืบสวนของกองบังคับการภูธรจังหวัดตาก  และชุดสืบสวนของ สภ.วังเจ้า   พร้อมทั้งขอความร่วมมือกับกำนันผู้ใหญ่บ้านบ้านปางสังกะสีและบ้านผาผึ้ง เพื่อติดตามคนร้ายฆาตกรรมยกครัว 5 ศพ ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้ง บ้านปางสังกะสี โดยแบ่งการทำงานร่วมกันทั้ง 3 หน่วยงาน  รวม 6 ชุด  กระจายกำลังออกปูพรมตามหาผู้ต้องหาที่บ้านปางสังกะสี บ้านผาผึ้ง  และได้เข้าตรวจค้น บริเวณเชิงเขาไร่ขิงของนายเชาว์ซึ่งสร้างเป็นเพลิงพักชั่วคราว หลังคาคลุมด้วยผ้าพลาสติกสีฟ้า ภายในเพิงพักมีข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าวางระเกะระกะ เจ้าหน้าที่ยังพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดใช้เสพยาบ้า  แต่ไม่พบปืนที่ใช้ฆาตกรรม 5 ศพ  เจ้าหน้าที่จึงเก็บอุปกรณ์การเสพยาเสพติดไว้เป็นหลักฐาน และกำลังอีกส่วนหนึ่งออกตามหาที่ชายแดนอำเภอพบพระ  ตลอดแนวเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี 

จนกระทั่งเวลาผ่านไป 3-4 วันก็ยังไม่พบตัวคนร้าย   คาดว่าฆาตกร 3 พ่อลูกคงจะหลบหนีข้ามฝั่งไปยังเมืองเมวดีประเทศเมียนมา เนื่องจากเกิดเหตุฆาตกรรมผ่านไปได้หลายวัน ทำให้คนร้ายมีเวลาหลบหนีการจับกุม  กว่าจะมีคนมาพบศพจนเวลาผ่านไปกว่า 10 วัน คาดว่า 3 พ่อลูกคงจะหลบหนีอยู่ฝั่งเมืองเมวดีประเทศเมียนมาแล้ว และชาวบ้านไม่เคยพบเห็นสามพ่อลูกเป็นเวลานานแล้ว

 จากการสอบสวน  แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ ผ่านมา จำนวน 15 คน  ซึ่งใช้เส้นทางอำเภอพบพระวังเจ้าหมู่บ้านปางสังกะสี  เป็นเส้นทางใช้ขนแรงงานต่างด้าวผ่านเข้ามา   จากการสอบถามถึง 3 พ่อลูกที่ใช้เส้นทางเดียวกันหลบหนี  แรงงานต่างด้าวทุกคนบอกว่าไม่เคยพบเห็นทั้ง 3 คน คาดว่าจะหนีข้ามไปยังเมืองเมียวดีแล้ว                                                                                                                                                          

ส่วนสาเหตุของการฆาตกรรมยกครัว 5 ศพคาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่นายเชาว์ มั่นพัฒนาการ อายุ 46 ปี ผู้ตายเป็นชาวเขาเผ่าม้ง เป็นคนค่อนข้างมีฐานะ สามารถมีเงินดาวน์และผ่อนรถราคาเกือบล้าน และซื้อรถอีแต๋น 4×4 ราคากว่า 100,000 บาท  เครื่องสูบน้ำคูโบต้าราคากว่า 50,000 บาท มีอุปกรณ์การทำเกษตรพร้อมเพียง มีอาชีพการทำไร่ขิง ส่งขายตลาดไท แต่นายเชาว์ เคยถูกหมายจับจาก 3 จังหวัดเพชรบูรณ์ ในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อยู่ระหว่างการมีหมายศาล มีลูกจ้างเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ 7-8 คน ปัจจุบันเหลือ 3 คน ได้แก่ 3 พ่อลูกโดยที่ลูกชาย 2 คนมาทำงานก่อนแล้ว 3 ปี

ส่วนพ่อมาทำงานภายหลังได้ 1 ปีแล้วถูกเบี้ยวค่าแรงงานทั้ง 3 พ่อลูก ประกอบกับในนายเชาว์เป็นคนพูดจาโผงผางใจร้อน ดุด่าว่ากล่าวใช้ถ้อยคำรุนแรง ทำให้ลูกชายทั้งสองคนโกรธแค้นที่ยังไม่ได้รับค่าจ้างทำงาน ประกอบกับทั้งสองติดยาเสพติด ไม่มีเงินซื้อยามาเสพทำให้เกิดอาการเครียดจัดคลุ้มคลั่ง เพราะไม่ได้เสพยาเสพติด จึงได้มีการวางแผนฆ่านายเชาว์ พร้อมภรรยาและลูกอีก 3 คนรวม 5 ศพ จนเสียชีวิต

โดยฆาตกรใช้มีดปาดคอและแทงตามลำตัว ใช้ปืนยิงซ้ำ จนแน่ใจเสียชีวิตแล้วนำศพไปทิ้งกระจัดกระจายอยู่ตามลำห้วย ภายในไร่ขิงของผู้ตาย จนศพเน่าขึ้นอืดจำแทบไม่ได้กระทั่งแน่ใจว่าเสียชีวิตแล้วทั้ง 5 ศพ จากนั้นจึงพากันหลบหนี พร้อมทั้งนำรถอีแต๋นไปด้วย ใช้เส้นทางเดินเท้าลัดเลาะไปตามไหล่เขา  ระหว่างบ้านปางกะสังกะสี อำเภอวังเจ้าไปทะลุชายแดนอำเภอพบพระใช้เวลาเดินทาง 1 วัน ก็สามารถไปยังชายแดนเมืองเมียวดีบ้านเกิด โดยไม่ถูกจับกุมอย่างสะดวกสบาย แต่ระหว่างทางรถอีแต๋นเกิดน้ำมันหมด จึงต้องทิ้งไว้บนเขา ระหว่างครึ่งทางอำเภอวังเจ้ากับอำเภอพบพระ กระทั่งเจ้าหน้าที่ไปเจอรถอีแต๋นถูกทิ้งไว้ไม่สามารถขับได้เนื่องจากไม่มีน้ำมันจึงต้องมาเก็บรักษาไว้ที่ บ้านนายหรือ แซ่ม้า ผู้ใหญ่บ้านผาผึ้ง รอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบอีกครั้ง