เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 ก.พ.) ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล นำกำลังบุกเข้าจับกุม นายจีมิน-ซ็อง หรือ นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65 ข้อหา ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดฯ และสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ได้ที่ห้องพักในคอนโดฯ ชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตบางนา กรุงเทพฯ พร้อมของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีก จำนวน 22 รายการ

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า นายจีมิน-ซ็อง ได้นำเข้า ยาอี ยาเลิฟ (MDMA) มาจากประเทศทางยุโรป โดยให้บุคคลที่รู้จักไปคอยรับส่งยาเสพติดและขายให้แก่ลูกค้า เพื่อที่ตัวเองจะไม่ได้ต้องสัมผัสโดยตรงกับสิ่งผิดกฎหมาย เดิม นายจีมิน-ซ็อง เป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี มีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ สว่างแจ้ง นอกจากนี้ยังได้ไปทำศัลยกรรม (Face off) ไม่ให้เหลือเค้าโครงเดิมอีกด้วย ภายหลังเจ้าหน้าที่ต้องปลอมเป็น “เด็กส่งของ” เพื่อเสาะหาพยานหลักฐาน กระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาพักอยู่ในคอนโดฯ หรู ย่านบางนา จึงนำหมายศาลบุกเข้าจับกุมไว้ได้ดังกล่าว

จากการตรวจสอบพบว่า “นายจีมิน-ซ็อง” เป็นบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเคยถูกพนักงานสอบสวน บช.ปส. ออกหมายจับไว้ ตามหมายจับในคดีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจพบยาเสพติดยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) แบบผลึกสีขาวขุ่น น้ำหนัก 2,575 กรัม และแบบเม็ดยาจำนวน 290 เม็ด ที่แอบบรรจุมาในพัสดุ “กล่องจิ๊กซอว์” เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 ซึ่งมีแผนประทุษกรรมเดียวกัน

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ให้การอ้างว่า บ้านเดิมอยู่ย่านบางกอกน้อย มีความชื่นชอบคนและวัฒนธรรมเกาหลี จนอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เกาหลีใต้ จึงได้เปลี่ยนชื่อและทำศัลกรรม ต่อมาได้เข้าไปศึกษาในดาร์กเว็บ จนกระทั่งสนิทและมีคอนเนกชั่นสามารถนำเข้ายาอีได้ทั่วโลก โดยจะนำเข้ามาในรูปแบบพัสดุปกติ ซื้อขายของผ่านทางคริปโตเคอร์เรนซี ล่าสุดเพิ่งสั่งซื้อยาอีอีก 30 กิโลกรัม กำลังจะนำเข้ามาไทย แต่ก็มาโดนจับเสียก่อน สำหรับเหตุคดีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรตรวจพบยาอีนั้น ก็เป็นเพราะว่าลูกน้องไม่ทำตามแผนที่ตกลงกันไว้ ทางเจ้าหน้าที่คุมตัวส่ง บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.