เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะมีการปรับ 3 เขต โดยกระทบถึง จ.เชียงราย และเชียงใหม่ ว่า เมื่อลด 2 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เป้าหมายไป 2 คน แน่นอนว่ากระทบ ที่สำคัญเราวางตัวผู้สมัครไปแล้ว ก็ต้องมาดูเขตใหม่อีกว่าจะวางตัวผู้สมัครอย่างไร แต่ยืนยันว่าเมื่อมีการปรับแล้วจะไม่มีคลื่นใต้น้ำ เพราะผู้สมัครเราเข้าใจกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร หากใครไม่มีพื้นที่เราไม่ได้ทิ้งเพราะมีตำแหน่งอย่างอื่น เช่น การเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงมั่นใจไม่มีความขัดแย้ง ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคจะประกาศชื่อหลังมีการยุบสภา แต่เราต้องดำเนินการตามกระบวนการก่อนเพราะทั้งแคนดิเดตนายกฯ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ต้องคัดเลือกผู้สมัครแล้วส่งให้แต่ละพื้นที่ดูด้วย ขั้นตอนนี้เราต้องเตรียมไว้ก่อนยุบสภา

เมื่อถามว่า ถ้าพรรค พท. ได้แลนด์สไลด์ พรรค พท. จะไม่ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอื่นใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “แน่นอนครับ เราจะไปยกมือให้เขาทำไม”

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดประชุมเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และ พ.ศ. 2566 ในวันที่ 28 ก.พ. 66 ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติไม่อนุมัติ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว เพราะเป็นการออก พ.ร.ก.ที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ตลอดจนละเมิดสิทธิประชาชนที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ ซึ่งขาดการป้องกันการซ้อมทรมานและอุ้มหาย ตลอดระยะเวลาที่สูญเสียไป อีก 7-8 เดือน โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งอันตรายมาก

พรรคร่วมฝ่ายค้าน อยู่ระหว่างการสังเกตว่าเสียงข้างมากจะเห็นอย่างไร เพราะแม้พรรคร่วมฝ่ายค้านที่เป็นเสียงข้างน้อยจะไม่อนุมัติ แต่หากเสียงข้างมากอนุมัติ พ.ร.ก.ก็ยังบังคับใช้ได้ ดังนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเตรียมการสังเกตเสียงข้างมาก หากมีแนวโน้มจะผ่านการอนุมัติ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.ก.ดังกล่าว ก่อนเข้าสู่กระบวนการอนุมัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ โดยเรามีข้อสังเกตว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล แอบทำคำร้องไว้อีกฉบับที่ชนกับคำร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วย จึงกำลังดูเกมตรงนี้ว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล คิดอะไร หากคิดตรงกันกับ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ไม่เป็นอะไร

เมื่อถามว่า หาก พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่ผ่านการอนุมัติ จะนำไปสู่ความรับผิดชอบของรัฐบาลในการลาออก จะเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีชิงยุบสภาหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เขาคงหน้าไม่บางพอ จริงอยู่ว่าการไม่อนุมัติ พ.ร.ก.เป็นเรื่องใหญ่ และรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ ในอดีตมีรัฐบาลลาออกเยอะมาก การแสดงความรับผิดชอบผ่านการลาออกหรือยุบสภา ก็ถือเป็นจังหวะเวลาช่วงเหมาะพอดี เขาอาจไปยุบสภา ตามกำหนดวันที่ 15 มี.ค.นี้ได้ มันไม่จำเป็นและไม่มีผลอะไรเลย

ทางด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงความพร้อมหรือยังที่ นพ.ชลน่าน ประกาศบนเวทีว่าเป็นแคนดิเดตนายกฯอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (25 ก.พ.) ว่าต้องเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ว่าจะเสนอใคร ตอนนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่เสนอชื่อออกไป แต่ยอมรับว่ามีการพูดคุยกัน และการเป็นนายกฯจะเป็นได้ต้องให้ประชาชนเลือก แต่การเสนอชื่อต้องเป็นหน้าที่ของ กก.บห.

เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ประชาชนเรียกร้องให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่ตนทำทุกวันนี้ เมื่อมีกระแสตอบรับ มันเป็นกำลังใจให้ตนที่มีคนอยากให้เป็นขอน้อมรับไว้ด้วยความดีใจ แต่ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอชื่อ การเลือกตั้ง

เมื่อถามย้ำว่า กก.บห.จะหารือเรื่องแคนดิเดตเมื่อไหร่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า กก.บห.หารือตลอดแต่เรารอการยุบสภาแล้วค่อยประกาศ 

เมื่อถามถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท. เป็นแค่ตัวหลอก สุดท้ายจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเหมือนที่นายชูวิทย์ทราบ 

ส่วน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีการประเมินกันว่าที่สุดแล้ว น.ส.แพทองธาร จะไม่ได้เป็นนายกฯ ว่าตอนนี้กลายเป็นว่า นายชูวิทย์ เป็นคนกำหนดทิศทางประเทศ การทำหน้าที่ของ นายชูวิทย์ เราเคารพ แต่เห็นว่าที่นายชูวิทย์เปิดมาหลายประเด็นเป็นประโยชน์ แต่วิถีทางการเมืองของพรรค พท. เราไม่มีอะไรปิดบังประชาชน เป้าหมายชัดต้องการ ส.ส.แลนด์สไลด์ ถ้าเรายกมือให้คนอื่นเป็นนายกฯ เราจะตอบประชาชนอย่างไร ที่นายชูวิทย์พูดแม้จะเป็นเรื่องตื่นเต้นแต่ถ้าฟังพรรค พท. จะเห็นความจริงที่ชัดเจน