เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้มีการแจ้งวงเงินและที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการตามนโบายหาเสียงแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลให้​คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 1 หมื่นบาท ตามที่มาตรา 57 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2561 กำหนดไว้ มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้มีหนังสือแจ้งไปยังพรรคเพื่อไทย ว่านโยบายหาเสียงที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงินที่พรรคได้มีการแจ้งมานั้น ยังมีรายการที่ดำเนินการไม่ครบถ้วนตามมาตรา 57 วรรคหนึ่ง (1) คือ ขาดที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ และวงเงินที่ต้องใช้ในการดำเนินการ รวมทั้งสิ้น 62 นโยบาย โดยให้พรรคเพื่อไทย ดำเนินการแก้ไขรายการดังกล่าวให้ครบถ้วนถูกต้อง และแจ้งกลับมายังสำนักงาน กกต. ภายใน 7 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ

ขณะเดียวกันวันดังกล่าว เลขาธิการฯ กกต. ยังได้มีหนังสือแจ้งถึงหัวหน้าทุกพรรคการเมือง เรื่องการกำหนดนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง เน้นย้ำให้พรรคการเมืองต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยกรณีการกำหนดนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงิน ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 57 โดยต้องมีรายการอย่างน้อย 1.วงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ 2.ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย 3.ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายโดยพรรคการเมือง ต้องระบุรายละเอียดดังกล่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ และแจ้งต่อ กกต. จึงให้พรรคการเมืองแจ้งรายละเอียดดังกล่าวต่อสำนักงาน กกต. ภายในวันที่ 18 เม.ย. นี้

ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวยังระบุด้วยว่าการหาเสียงของพรรค ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับแนวที่กำหนดเป็นนโยบายของพรรคการเมืองตามมาตรา 74 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 หากพรรคไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กกต. ตามมาตรา 57 วรรคสอง ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท ตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง และถ้าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 74 หรือหาเสียงไม่ว่าด้วยประการใดให้ประชาชนหลงเชื่อ หรือเข้าใจผิดว่าเป็นนโยบายของพรรคการเมืองตามมาตรา 74 ต้องระวังโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาท-2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี