สืบเนื่องจากกรณีที่ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ “คนรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยบริสุทธิ์” ขอให้ตรวจสอบสถานะทางการเงินของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ในประเด็นสถานะการเงิน เรื่องภาษีที่ไม่สอดคล้องกับรายรับ โดย DSI ส่งหนังสือตอบรับที่ ยธ. 0816/575 รับคำร้องเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางยื่นหลักฐานเอกสารเพิ่มเติม เปิดเผยว่า เบื้องต้น DSI ชี้แจงว่าการรับเป็นคดีพิเศษนั้น ต้องเข้าองค์ประกอบความผิดคดีพิเศษ แต่พบมีข้อสงสัย จึงส่งเรื่องไปยังกองคดีภาษีอากรรับไว้พิจารณาสืบสวน 2 ทาง คือ คดีภาษีและคดีการฟอกเงิน โดยคดีภาษีสามารถเอาผิดมูลฐานการฟอกเงินได้เช่นกัน หรือมุ่งเป้าเอาผิดคดีการฟอกเงินได้เลย

นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับคดีภาษี ตนยังไม่เคยประสานกรมสรรพากร แต่มองว่าดีเอสไอมีอำนาจส่งหนังสือถึงกรมสรรพากรให้ช่วยตรวจสอบ แต่พบว่ายังไม่ดำเนินการ ทั้งนี้ ตนกำลังพิจารณาอาจเดินทางไปยื่นคำร้องกรมสรรพากรด้วยตนเอง เพราะขณะนี้ทนายตั้มเป็นข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบที่มาของรายได้ หากกรมสรรพากรยังนิ่งเฉยไม่รู้จะว่าอย่างไร โดยตนกับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ประสานข้อมูลกันตลอด และการมายื่นหลักฐานเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ถือว่าเพียงพอให้เชิญทนายตั้ม มาชี้แจงที่มารายได้ ร่ำรวยโดยไม่มีสาเหตุแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ ดีเอสไอแนะนำให้ตนเขียนคำร้องใหม่เกี่ยวกับคดีการฟอกเงิน ซึ่งเป็นช่องทางรายได้พิเศษ อาจจะเกี่ยวข้องกับสถานที่บุคคลใน จ.เชียงราย โดยตนจะนำหลักฐานมาให้เพิ่มเติม และดีเอสไอสืบสวนในทางลับบ้างแล้ว

นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า ตนยังมีข้อสงสัยกรณีหากทนายตั้มทำผิดจริง ทรัพย์สินจะไม่โยกย้ายไปต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอชี้แจงว่ามีขั้นตอนกระบวนการสืบสวนข้ามชาติ ทำให้ตนเบาใจลงได้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่เปิดเผยหลักฐานต่อสาธารณะ แค่ชี้ช่องให้ดีเอสไอทำงานต่อได้ง่าย และรอดีเอสไอเรียกทนายตั้มมาชี้แจง แต่ถ้า ดีเอสไอ ตีตกคำร้องก็อาจนำหลักฐานมาแสดงต่อหน้าสื่อมวลชน หากรับไว้และมีความคืบหน้าก็จะไม่เปิดเผย

นายภัทรพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมา ตนได้ยื่นหลักฐานให้ทางดีเอสไอ เพื่อพิสูจน์ความผิดของทนายตั้ม แต่ทนายตั้มไม่เคยออกมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเลย และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ประชาชนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานะการเงินของทนายตั้ม ตนจึงเป็นตัวแทนมายื่นเรื่องให้ดีเอสไอพิจารณา