เมื่อวันที่ 29 เม.ย. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รองผบก.ตม.3 พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, สนธิกำลังกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมกับ ตม.ชลบุรี และ กก.1 บก.ทท. นำหมายค้นศาลแขวงพัทยา ที่ 8/2566 ลง  27 เม.ย. เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 111/40 หมู่ 8 ถ.บ้านทะเล ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจากชุดสืบสวนได้พบชาวต่างชาติ ที่มีพฤติการณ์ว่าจะกระทำความผิดต่อกฎหมาย ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะเผยแผ่ความเชื่อทางศาสนาหลายครั้งต่อเนื่องกัน โดยมีกลุ่มผู้เลื่อมใสร่วมฟังคำสอนผ่านช่องทางต่างๆ และได้เรียกกลุ่มของตนเองว่า “สหพันธ์อาณาจักรสิงโต” พร้อมมีการสร้างสกุลเงินขึ้นมาใหม่ เปิดการเรียนการสอนให้กับกลุ่มผู้เลื่อมใส ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนการจัดกิจกรรมของสมาชิก และการรับบริจาค ซึ่งมีการนำธงขององการสหประชาชาติมาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยการแอบอ้างสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะให้แก่ผู้ศรัทธาเกรงว่าจะเป็นภัยอันตรายต่อสังคมจึงนำหมายค้นเข้าตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบชาวจีน 5 ราย คนไทย 2 ราย ประกอบไปด้วย นางฮองเลี้ยน ชู สัญชาติจีน อายุ 49 ปี  นายฉางเหวน ห่าว สัญชาติไต้หวัน อายุ 60 ปี นางก้วยจุน ล่าย สัญชาติจีน อายุ 59 ปี นายซิจุน ดง  สัญชาติจีน อายุ 51 ปี นางรุ่ยจง เหลา หรือ สัญชาติจีน อายุ 68 ปี น.ส.สุนันทา อายุ 44 ปี  และนายไชยวัฒน์ อายุ 45 ปี  นอกจากนี้ยังพบเอกสารการเช่าบ้าน, การชำระรายการทางบัญชีต่างๆ จำนวนมาก

พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์  กล่าวว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่านางฮองเลี้ยน ชู และ นายฉาง เหวน ห่าว ทำการเปิดลัทธิ ก่อนมีการขายสินค้ายาอายุวัฒนะ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ในประเทศจีนค่อนข้างมีความผิดร้ายแรง จึงได้แอบหนีมาอยู่ในประเทศไทย แต่ขายสินค้าประเภทดังกล่าวกับกลุ่มคนจีน โดยจดบริษัท ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์บังหน้า โดยจากการสอบสวน พบว่า นางฮองเลี้ยน ซู เข้ามาด้วยวีซ่าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการ บริษัท เฮฟเว่น ออฟ เฮฟเว่น จำกัด แต่ไม่ได้มีการประกอบกิจการจริง และ นายฉาง เหวน ห่าว เข้ามาด้วยวีซ่าใช้ชีวิตบั้นปลาย และมีชื่อเป็นกรรมการบริษัทเฮฟเว่นฯ แต่ไม่ได้ขอใบอนุญาตทำงาน จึงได้ทำการเพิกถอนวีซ่า บุคคลทั้ง 2 เนื่องจากไม่มีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรและจะต้องลงบัญชีแบลคลิสต์ของ สตม.ไว้ เพื่อไม่ให้สามารถเดินทางกลับเข้ามาไทยได้อีก ส่วนลูกจ้างชาวจีนอีก 3 คน พบว่าการอนุญาตในอยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดไปตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 จึงได้จับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.นาจอมเทียน ดำเนินคดีตามกฎหมาย และผลักดันออกนอกประเทศในภายหลัง ซึ่งหากในการตรวจค้นหากพบพยานหลักฐานและปรากฏผู้เสียหายเพิ่มเติมก็จะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป