เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน มติชน X เดลินิวส์ ร่วมจัดดีเบตเป็นครั้งแรกในเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” โดยเวทีรอบที่ 3 “เวที แม่ทัพ…วิสัยทัศน์และสัญญาประชาคม” มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และทีมเศรษกิจ มาแทน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ติดภารกิจงานศพบิดา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริเดช ประธานคณะกรรมการด้านนโยบายและเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมในเวที 

ทั้งนี้ได้มีการเชิญหัวหน้าพรรคหรือตัวแทนพรรค ออกมาโชว์นโยบายของแต่ละพรรค เริ่มต้นที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า เราเสนอนโยบาย WOW ที่พร้อมเดินหน้ากับคนทุกเจนเนอเรชั่น การทำงานจากนี้ต้องให้คนเก่งนำพาประเทศ ให้คนเก่งในทุกแขนงเข้ามาพัฒนาประเทศ สร้างอนาคตที่จับต้องได้ แก้ไขปัญหาระบบราชการที่ใหญ่ อุ้ยอ้าย ล่าช้าเกินไป พรรคจะใช้เทคโนโลยีให้มาอยู่ในมือถือ ไม่จำเป็นต้องใช้หรือรอเอกสารที่นานเกินไป ปืดการทุจริต ลดการเรียกเงินใต้โต๊ะ มีความโปร่งใส ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน 

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติกล้าพัฒนา กล่าวว่า สำหรับนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า คือมีเงิน ของไม่แพง และโคราชโนมิกส์ โดยดำเนินการใน 4 เรื่อง คือ 1.เร่งเครื่องเศรษฐกิจ 2.การลดความเหลื่อมล้ำ 3.นโยบายต่างประเทศ และ 4. การยุติความขัดแย้ง ซึ่งวันนี้สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ก็คือการเมืองยังมีความขัดแย้ง เกือบ 20  ปีแล้ว เหมือนก้อนกรวดในรองเท้าเดินไม่ถนัดเขยก พอการเมืองเขยกการแก้ไขปัญหาของประเทศก็เขยก คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลดความขัดแย้งทางการเมือง การเมืองต้องพูดคุยกันได้ ต้องทำหน้าที่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ถ้าการเมืองเข้มแข็ง เราก็สามารถใช้พลังทางการเมืองให้แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ ให้ลุล่วงไปได้ 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า พอพูดถึงความขัดแย้งทางการเมือง เครื่องมือสำคัญสิ่งหนึ่งที่จะมาช่วยลดความขัดแย้ง ลดความเหลื่อมล้ำก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างในยุคที่มีการทำรัฐประหาร บรรยากาศของการรัฐประหารครอบคลุมรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นคงไม่ได้ประชาธิปไตยอย่างที่เราคิดกันมากนัก วันนี้ตนคิดว่าเราต้องการเครื่องมือทางด้านกฎหมาย เครื่องมือทางรัฐธรรมนูญที่มีความยืดหยุ่นที่จะเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลไปแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจได้ โลกเปลี่ยนทุกวัน ทั้งเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มาขององค์กรอิสระ ส.ว.  หรือการปฏิรูปการเมือง ดังนั้นเราสนับสนุนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ  

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าโคราชโนมิกส์ จะสามารถรักษาฐานที่มั่นใจ จ.นครราชสีมา ได้ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ในทางการเมืองเขาบอกว่า ใครแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคอีสานได้ ประเทศไทยก็จะหลุดพ้นจากความยากจน ดังนั้นนโยบายโคราชโนมิกส์ จะเป็นนโยบายที่จะสร้างภาคอีสาน โคราชให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจในด้านการลงทุน คล้ายๆ กับอีอีซี แต่เกิดขึ้นในภาคอีสาน เหมือนนโยบายแปรสนามรบให้เป็นสนามการค้าภาค 2 เหมือนเปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน ที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ประสบความสำเร็จ ซึ่งวันนี้คู่ค้าของอีสานไม่ใช่อินโดจีนแต่เป็นจีน ถ้าเกิดเราต่อมอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ ไปถึงแค่หนองคายภาคอีสานสามารถเชื่อมกับจีนได้เลย วันนี้ถ้าเราสามารถเชื่อมกับจีนได้ 1,400 คน และจีนมีการค้าเส้นทางสายไหมเชื่อมไปยังรัสเซีย ยุโรป แอฟริกา นั่นคือกลุ่มการลงทุนที่จะมาลงทุนภาคอีสาน ดังนั้นโยบายโคราชโนมิกส์คือนโยบายที่จะบูมภาคอีสานอีกครั้งหนึ่ง ทั้งในเรื่องการลงทุนและการท่องเที่ยว จึงเชื่อว่านโยบายนี้จะนำเศรษฐกิจยุคทองกลับมาสู่โคราช และภาคอีสานอีกครั้งหนึ่ง 

เมื่อถามว่าถ้าพรรคชาติพัฒนากล้าได้เข้าร่วมรัฐบาล อยากบริหารงานกระทรวงอะไรมากที่สุด นายสุวัจน์ กล่าวว่า กระทรวงอะไร ขอให้อยู่ภายใต้นโยบายของพรรค สมมุติตนมีนโยบายด้านการท่องเที่ยว 2 เท่า ถ้าให้เราคุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เราก็จะสามารถผลักดันได้ หรือเราบอกว่าเรามีนโบบายซอฟต์พาวเวอร์ มีกองทุนซอฟต์พาวเวอร์ 1 หมื่นล้าน มาเป็นพลังทางเศรษฐกิจ เราก็ยินดีที่จะไปอยู่กระทรวงวัฒนธรรม หรือจะเป็นกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงคมนาคม ที่เรามีนโยบายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะกระทรวงใหญ่หรือเล็ก ถ้าตรงกับนโยบาย และสิ่งนั้นจะเป็นแพลตฟอร์มทางด้านเศรษฐกิจใหม่กับประเทศ ดังนั้นคิดว่ากระทรวงอะไรก็ได้ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาประเทศ

ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เราเป็นพรรครักประชาธิปไตย เราสัญญาจะไม่เป็นที่เหยียบยืนของเผด็จการเด็ดขาด ตนขอชวนทุกคนมาร่วมปิดสวิตช์การรัฐประหารด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ผ่านมา พรรคไทยสร้างไทยได้ทำแล้ว โดยเราเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ และชวนพี่น้องประชาชนมาแก้รัฐธรรมนูญร่วมกันโดยเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากทุกคน ต่อจากนี้ คนที่ทำรัฐประหารคือกบฏ ต้องได้รับโทษสูงสุด เราต้องสร้างให้เป็นจารีต ให้ทุกหน่วยงาน ทั้งข้าราชการ ทุกองค์กรและทุกพรรคต้องลงสัตยาบรรณร่วมกัน ไม่ยอมรับอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า นอกจากนั้นในเรื่องค่าไฟแพง พรรคไทยสร้างไทยได้ยื่นเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อทวงคืนผลประโยชน์ให้ประชาชน เราต่อสู้เพื่อคนเพื่อคนตัวเล็ก ไม่ใช่นายทุน เราต้องเร่งสร้างรายได้ให้กับประชาชนโดยช่วยเอสเอ็มอี เราไม่แจกบัตรคนจน เพราะไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นคนจน เราแจกบัตรเครดิตประชาชน ในนั้นมีเงิน 5 หมื่นบาท เพื่อให้ประชาชนนำไปใช้หนี้นอกระบบ และมีโอกาสในการทำมาหากิน รวมทั้งจะสร้างรายได้ให้ประเทศไทย จากจุดแข็งของประเทศทั้งเรื่องอาหาร เกษตร การท่องเที่ยว และสุขภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ สิ่งที่พรรคจะผลักดันเต็มที่คือเรื่องคลองไทย เรามองว่าเป็นจุดเชื่อมทางเศรษฐกิจใหม่ เราจะศึกษาอย่างจริงจัง ปัญหาเดียวที่จะไม่ทำคือ หากเกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งจะส่งเสริมการกระจายอำนาจ ทำสงครามกับคอร์รัปชั่นและยาเสพติดด้วย 

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรให้กับคนรุ่นใหม่ในวัยเดียวกับน้องจินนี่บุตรสาว กล่าวว่า ที่ตนกลับมาทำงานการเมือง เพราะเห็นความทุกข์ร้อนของประชาชนที่ฝากความหวังไว้กับเรา จึงอยากแก้ปัญหาให้เขา ตนเป็นแม่ มองหน้าลูกแล้วตอบไม่ได้ว่า อนาคตของประเทศจะไปอย่างไร ถ้าเรายังอยู่แบบนี้ จึงต้องมาสร้างพรรคไทยสร้างไทย ที่มีเจ้านายใหญ่คือประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสไม่ใช่ใหญ่แค่วันกาบัตร แต่เป็นประชาธิปไตยที่มีประชาชนมีส่วนร่วมไปตลอดทาง ลูกสาวตนต้องมีความหวังในประเทศนี้ ในการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่สำคัญผู้ใหญ่อย่างเราต้องฟังเด็ก ฟังคนรุ่นใหม่ 

เมื่อถามว่าจากประสบการณ์การเมืองใน 30 ขั้วการเมืองใดจะชนะเลือกตั้ง และไทยสร้างไทยจะอยู่ขั้วใด คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พอกันที ตนได้ประกาศปิดสวิตช์ ส.ว. พอกันทีการรัฐประหาร จะดีจะชั่วประชาชนตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่มีคนลากปืนรถถังออกมารัฐประหาร มั่นใจว่าถ้าเราเห็นพ้องกัน ไม่ใช่เรื่องของขั้วไหนชนะ แต่ต้องมาลงสัตยาบรรณร่วมกันว่าจะต้องปิดสวิตช์รัฐประหาร และฝั่งประชาธิปไตยจะชนะ ตนเชื่อในพลังของคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของประเทศ ที่มีสิทธิมีเสียง แต่แน่นอนถ้าชนะไปเพื่อแพ้ ชนะไปแล้วไปมีเงื่อนไข ไปเกิดการทุจริต แล้วคนที่อ้างว่าเขาเป็นคนดีเขาออกมารัฐประหารอีก เราก็จบใช่หรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่ตนทำก็คือการชวนทั้งสอง ขั้วหนึ่งก็คือขั้วประชาธิปไตยต้องไม่สร้างเงื่อนไขใดๆ ที่จะให้พวกนี้มาเอ่ยอ้างแล้วก็ทำรัฐประหาร ส่วนขั้วรัฐประหาร ขั้วเผด็จการ เราปิดสวิตช์ร่วมกันที่ไทยสร้างไทยกำลังทำ โปรดไปลงชื่อที่เฟซบุ๊กของไทยสร้างไทย เราระบุไว้แล้วว่า คนทำรัฐประหารคือกบฏ ต้องได้รับโทษสูงสุด ต้องสร้างให้เป็นจารีต ต่อไปนี้ต้องไม่รับรัฏฐาธิปัตย์