เมื่อวันที่ 5 พ.ค. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บํารุงรัตนยศ รอง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 พ.ต.ท.ธรรมปกร กัณหญาวงษ์ รอง ผกก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ท.ธนัช ธนาบุญประกอบ สว.กก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ พระศรี สว.กก.2 บก.สอท.1, ร.ต.อ.สุนทร หงษ์โยธี รอง สว.กก.2 บก.สอท.1 นำหมายจับศาลเยาวชนครอบครัวกลาง ที่ 88/2565 ลงวันที่ 28 ต.ค. 65 เข้าจับกุม น.ส.ศรัทธบูล (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ในความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” หลังเป็นผู้ร่วมขบวนการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกผู้เสียหายโอนเงิน กว่า 11 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 14 บ้านหนองกระต่าย หมู่ 6 ต.สำนักบก อ.เมือง จ.ชลบุรี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ก.ค. 65 มีผู้เสียหายเป็นอดีตนายทหารเกษียณราชการ ยศ พล.อ.อ. เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 ว่าถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ติดต่อมา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพะเยา แจ้งกับผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยให้โอนเงินทุกบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีธนาคารทหารไทยธนชาต เป็นเงินจำนวน 11 ล้านบาท เพื่อไปตรวจสอบ และข่มขู่ว่าถ้าไม่มีการโอนเงินมาตรวจสอบ จะดำเนินการออกหมายจับผู้เสียหาย ทำให้เกิดความกลัว จึงได้โอนเงินทั้งหมดไปให้ตรวจสอบ
หลังจากโอนเงินไปแล้ว ทางผู้เสียหายได้พยายามติดต่อกับผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าพลาดท่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวง จึงได้เดินทางมาแจ้งความให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ต่อมาทางชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.สอท.1 ทำการสืบสวนจนทราบว่า บัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีเป็นของ น.ส.ศรัทธบูล และมีการเคลื่อนไหวในการโอนย้ายไปเข้าบัญชีอื่นอีก 7 บัญชี ซึ่งทั้งหมดทำหน้าที่บัญชีม้าแถวที่ 1
จากการสอบปากคำ น.ส.ศรัทธบูล ให้การอ้างว่า เมื่อช่วงปี 65 มีเพื่อนสนิทที่พักอยู่ห้องเช่าด้วยกันที่ จ.ชลบุรี มาขอยืมบัญชีธนาคารกับบัตรเอทีเอ็มไป อ้างว่าจะให้ญาติโอนเงินมาให้ ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากไม่ได้ใช้บัญชีธนาคารนั้นแล้ว กระทั่งมีเจ้าหน้าที่มาจับกุมตัว จึงทราบว่าบัญชีธนาคารของตัวเองถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ในการกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในส่วนที่เหลือ ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 สอท.1 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
