ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวในส่วนของ ส.ว. ภายหลังจากมีการปิดดีล 8 พรรคร่วมรัฐบาล 313 เสียง เพื่อหนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามเสียงข้างมากจากผลการเลือกตั้ง นั้น

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ส.ว. ไม่ได้แบ่งว่าเป็นสายใคร ทุกคนเป็นอิสระ ขณะนี้พรรคก้าวไกลต้องการเสียงจาก ส.ว. 60 กว่าเสียง ไม่มีใครรู้ว่าจะครบหรือไม่ ยังเหลือเวลาอีก 1-2 เดือน วันนี้คิดอย่าง พรุ่งนี้อาจคิดอีกอย่างก็ได้ จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า ขณะนี้มี ส.ว. จะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีกี่คน แต่ที่เห็นตอนนี้มีอยู่ 5-6 คน จึงต้องรอดูสถานการณ์ การที่ฝ่ายค้านเดิมไปทำเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล ก็แค่ตกลงเจรจาร่วมกัน แต่ใครจะเปลี่ยนอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่แน่นอน การเมืองไทยเปลี่ยนได้ทุกคน ส่วนที่นายพิธายืนยันจะแก้ไข มาตรา112 นั้น ส.ว. ยืนยันไม่เห็นด้วย ส.ว. มีประเด็นเดียว พรรคใดคิดแก้ มาตรา 112 เราไม่เอา เป็นคนละเรื่องกับที่ ส.ว. ไม่เห็นด้วยกับพรรคที่ได้คะแนนเสียงมาอันดับ 1

“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ ส.ว. แต่อยู่ที่พรรคก้าวไกล ถ้ายังยืนยันแก้ มาตรา 112 เราไม่เอาด้วย แต่ถ้ายอมถอน ไม่แก้ไข ก็ไม่มีปัญหา ส.ว. ก็เห็นชอบกันได้ เราอยากเห็นนโยบายที่ดี นโยบายพิสดารที่ประชาชนได้ประโยชน์ อยากให้พรรคก้าวไกลได้บริหาร แต่ติดเรื่องเดียวคือ อย่าไปยุ่งกับสถาบัน ถ้าไม่มีเรื่องเหล่านี้ เดินตามนโยบายที่หาเสียงไว้ก็จบแล้ว เท่านั้นเอง” นายเสรี กล่าว

ทางด้านนายวงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวขอตัดสินใจในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เกณฑ์ที่จะใช้ตัดสินใจคือ บ้านเมืองจะต้องมีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลัก ถ้าจะแก้ไขมาตรา 112 ต้องมาดูจะแก้ไขอย่างไร แม้คนที่ชนะที่ 1 ในการเลือกตั้งจะได้คะแนนเสียงมากที่สุด แต่ไม่เบ็ดเสร็จ พรรคที่ได้คะแนนลำถับถัดๆ มา ก็ได้คะแนนนิยมจากประชาชนเช่นกัน ทุกคน ทุกคะแนน มีความหมายเท่ากัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในที่สุดแล้วฝ่ายสภาผู้แทนราษฎรน่าจะไปรวบรวมเสียงได้เกิน 376 คน โดยไม่ต้องมาพึ่ง ส.ว. ในการโหวต ยังมีเวลาอีกเกือบ 2 เดือน ฝ่าย ส.ส. คงไปจัดการกันเองได้

เมื่อถามถึง การที่นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ระบุขณะนี้มี 75 เสียง ส.ว. ที่พร้อมโหวตสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายวงศ์สยาม กล่าวว่า คงไม่น่าจะถึง ดูแล้ว ส.ว. ฝั่งที่โหวตให้นายพิธา คงมีอยู่ราว 20 เสียง ยืนยันไม่มีใครมาสั่ง ส.ว. ในการโหวตได้ ทุกคนมีอิสระ สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะเองได้

ขณะที่ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ส.ว. น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ เมื่อถูกถามถึงจุดยืนจะโหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ รวมทั้ง พล.อ.นพดล อินทปัญญา ส.ว. ที่เป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 ของ พล.อ.ประวิตร ก็ปฏิเสธให้สัมภาษณ์เช่นกัน โดยตอบเพียงสั้นว่า “เขาให้ ส.ว. อยู่นิ่งๆ”