เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ แล้วเข้ามาแชร์ความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ภายหลังสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความลงกลุ่ม “จิตวิทยาเด็กและครอบครัว ปรึกษาเรื่องเลี้ยงลูก” ซึ่งเป็นเรื่องราวของลูกสาวอายุ 2.4 ขวบ ได้ไปเรียนที่เนอร์สเซอรี่แห่งหนึ่ง แต่กลับเจอเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเหมาะสม โดยคุณแม่เล่ารายละเอียดว่า

“น้อง 2.4 ขวบ ไปเนอร์สเซอรี่วันแรก ลูกเราใส่แมสก์ค่ะ แต่เด็กคนอื่นกับคุณครูไม่ใส่เลยซักคน พอเข้าห้องคุณครูก็เปิดจอให้น้องๆ นั่งดูกัน พอตอนสายๆ ไปแอบดูน้องอีกรอบ ก็เห็นน้องยังนั่งดูจอเหมือนเดิมค่ะ ช่วงเที่ยงคุณครูส่งภาพน้องกินข้าวมาให้ดู (แต่ไม่ให้ดูอาหารที่กินนะคะ) เป็นภาพที่คุณครูป้อนข้าวน้อง แต่ปกติอยู่บ้านน้องกินข้าวเองตลอดค่ะ พอถามคุณครูก็ตอบว่าน้องไม่ยอมกินเอง (น้องกลับมาบอกว่า ข้าวไข่ต้ม) พอถึงเวลาไปรับกลับ น้องก็วิ่งทำท่าน้ำตาคลอมาหา ถามคุณครูว่าน้องร้องไห้มั้ย คุณครูบอกว่าไม่ร้องค่ะ แต่น้ำมูกนี่แข็งเกาะรวมกันอยู่ตรงจมูกน้องเลย

พอกลับบ้านมาถามว่าอยากไปเรียนอีกมั้ย ชอบมั้ย อยากเปลี่ยนที่เรียนมั้ย น้องบอกอยากไปโรงเรียนค่ะ ชอบโรงเรียนนี้ เราก็เลยถามน้องว่าพูดเองหรือคุณครูสอนให้พูด น้องพูดเสียงสั่นๆ ว่าพูดเองค่ะ..(ครูคงสอนให้พูดแบบนี้เราดูออก) แล้วเราก็ใส่เมล็ดทานตะวันห่อสีเหลืองที่น้องชอบกินไปในกระเป๋า เราถามน้องว่าได้กินตอนไหน น้องบอกว่าไม่ได้กิน คุณครูใส่เสื้อสีเขียวกินหมดเลย.. กลับมาน้องกินน้ำเยอะมากค่ะ แล้วก็บอกว่าคุณครูให้กินน้ำแค่ตอนกินข้าว.. เราอยากทราบว่าเนอร์สเซอรี่เป็นแบบนี้ปกติใช่มั้ยคะ หรือเราจะพาลูกเปลี่ยนที่เรียนดี (แอบเสียดายเงิน)”

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ต่างก็มีคุณแม่จำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย..