ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐปราบปรามกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด เนื่องจากเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง และเป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมในสังคม อันจะส่งผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ

กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการสายตรวจ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จับกุมพ่อค้าหัวใสหลอกลวงอ้างผลิตยา “ยาเสียสาว” แท้จริงแท้จริงแล้วเป็นเพียงคลอรีนล้างตู้ปลาและเผยแพร่คลิปอนาจาร

พฤติการณ์กล่าว สืบเนื่องมาจากปัจจุบันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง และเป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมในสังคม อันจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ตำรวจได้สืบสวนพบผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารและจำหน่ายยาเสริมสมรรถภาพทางเพศที่ยังไม่ได้จดแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และได้ทำการสั่งซื้อยาทิงเจอร์ขาวพบว่าเป็นยาที่ยังไม่มีเลขจดแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นศาลอาญาที่ 665/2566 และหมายค้นเลขที่ 666/2566 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 เข้าทำการตรวจค้น วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 07.30 น. ห้องเลขที่ 97/539 ต่อเนื่องไปยัง ห้องเลขที่ 779/190 ย่านนวมินทร์-บึงกุ่ม กรุงเทพฯ พบ นายอภิเดช (สงวนนามสกุล)

โดย นายอภิเดช มีพฤติการณ์ในการสั่งซื้อยาเสริมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายและผู้หญิงมาจากต่างประเทศ และได้ทำการทดลองผลิตทิงเจอร์ขาวปลอม (ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ) โดยใช้สารเคมี เช่น คลอรีน หลอกขายว่าเป็นทิงเจอร์ขาวปลอม, VODKA ผสมน้ำเปล่าตั้งชื่อ “GLB Love drug” และนำเม็ดยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศมาบดและบรรจุแคปซูลใหม่เพื่อไม่ให้ลูกค้าจำได้ เป็นต้น และได้ใช้กลุ่มไลน์ในการทำการตลาดโดยวิธีการเผยแพร่คลิปลามก อนาจาร ในกลุ่มไลน์และเก็บค่าสมัครสมาชิก และแฝงโฆษณาในการขายยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้สั่งซื้อยาเสริมสมรรถภาพทางเพศมาจากประเทศจีน และได้ทดลองผลิตยาเสริมสมรรถภาพทางเพศด้วยตัวเอง จำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่มาสั่งซื้อ โดยมีรายได้จากการขายาเสริมสมรรถภาพทางเพศ เดือนละประมาณ 100,000 บาท และได้ทำมาแล้วเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยจากการตรวจค้นทั้ง 2 จุด พบของกลาง จำนวน 54 รายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือ หน้าสมุดบัญชีธนาคาร ครีมหลอดฉีดยา ขวดยา และ แผ่นซีดี หนังโป๊ เป็นต้น

ทั้งนี้ ตำรวจได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ นายอภิเดช (สงวนนามสกุล) ทราบ ว่า “มาตรา 287 ผู้ใด (1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก

พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510

มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย หรือนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบันเว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต

มาตรา 72 (4) ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา

มาตรา 88 การโฆษณาขายยาจะต้อง (5) ไม่ทำให้เข้าใจว่าเป็นยาบำรุงกามหรือยาคุมกำเนิด

มาตรา 88 ทวิ การโฆษณาขายยาทางวิทยุกระจายเสียง เครื่องขยายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ทางฉายภาพหรือภาพยนตร์ หรือทางสิ่งพิมพ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต

ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ อย. ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ที่สืบสวน ขยายผล จนสามารถตรวจยึดยาผิดกฎหมายได้จำนวนมาก จากการจับกุมพบยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ลักลอบนำเข้า และขายให้ผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม ซึ่งอันตรายมาก ทั้งจากการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน และจากการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

จึงขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า ยาจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย และยาไม่สามารถซื้อขายทางออนไลน์ได้ ต้องซื้อจากร้านยา หรือได้รับการตรวจวินิจฉัยและจ่ายโดยแพทย์จากสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนเท่านั้น

ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook: FDAThai