จากกรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์แฉถึงสติกเกอร์ติดรถบรรทุกที่เป็นสัญลักษณ์การจ่ายส่วยให้ไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย กรณีบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนดจนเป็นแพร่สะพัดไปทั่วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ผู้ประกอบการคนขับรถตู้รับส่งนักเรียนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ที่มีทั้งหมดกว่า 1,000 คัน แจ้งข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ใช่แค่รถบรรทุกบนทางหลวงที่ถูกเรียกเก็บส่วย พวกเขาที่เป็นเจ้าของ คนขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียนแต่ละหมู่บ้านทั่วทั้งจังหวัดชัยภูมิ ก็ถูกเรียกเก็บส่วยเช่นกัน แต่ไม่เกี่ยวกับตำรวจทางหลวงหรือกรมการขนส่งฯ หรือตำรวจในท้องที่แต่อย่างใด คือ รถที่จะได้รับอนุญาตให้วิ่งออกรับ-ส่งนักเรียนตามหมู่บ้านต่างๆ นั้น ทุกคันจะต้องผ่านการตรวจสภาพรถกับกรมการขนส่ง และมีการตรวจเช็กความปลอดภัยของทั้งตัวคนขับ และรถ ให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้นักเรียนปลอดภัย เช่น ต้องมีถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือกรณีเกิดอุบัติเหตุไว้ในรถ

นายเอ คนขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียน เปิดเผยว่า รถนักเรียนส่วนใหญ่ก็ผิดกฎหมาย คือ ไม่ได้ขออนุญาตถูกต้องจากกรมการขนส่งทางบกอยู่แล้ว เวลาเปิดเทอมก็จะมีคนของนายทุนใหญ่เจ้าของเส้นทางสัมปทานรถโดยสารจะส่งคนเข้าไปเช็กแต่ละโรงเรียน ว่าที่นี่มีรถตู้วิ่งรับ-ส่งนักเรียนกี่คัน มีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ และจะบอกว่าให้จ่ายค่าสัมปทานเส้นทางให้เจ้าของสัมปทานเส้นทางรถโดยสาร ไว้สำหรับเป็นค่าสัมปทานเส้นทาง และเอาใช้จ่ายค่าดูแลเจ้านาย โดยค่าแรกเข้าวิ่งต้องจ่าย 5,000 บาทต่อเทอม และจ่ายเป็นรายเดือนอีก เดือนละ 200 บาทต่อคัน โดยตัวแทนเก็บส่วยจะให้หมายเลขโทรศัพท์ของตัวแทนนายทุนใหญ่ เจ้าของสัมปทานเส้นทางไว้ให้ หากขับรับ-ส่งนักเรียนไปตามที่ต่างๆ จะได้ไม่โดนโบก แต่ถ้ารถคันใดไม่จ่าย ก็จะเจอโบกเช้าโบกเย็น โดยเงินดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปให้นายทุนเดินรถใหญ่อีกที

“ตามกฎหมายนั้น รถนักเรียนที่เป็นรถตู้รับส่งนักเรียนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ จะบรรทุกนักเรียนได้ อย่างมากนักเรียนนั่งได้ 13 คน แต่ส่วนมากยอมจ่าย เพื่อจะได้บรรทุกนักเรียนเข้าไปเพิ่มมากขึ้นถึง 20 คน ก็เลยจำเป็นต้องยอมจ่ายกัน” นายเอ กล่าว

นายเอ กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้เก็บค่ารายเดือนกับเด็กนักเรียนรายละ 800-900 บาทเท่านั้น ก็จะไม่คุ้มพอค่าน้ำมัน จึงจำเป็นต้องยอมจ่ายส่วยให้กับตัวแทนนายทุนใหญ่เจ้าของสัมปทานเส้นทางวิ่งรถโดยสาร อยากขอวอนให้ผู้มีอำนาจได้ช่วยเหลือบอกให้ตัวแทนนายทุนใหญ่ที่เดินเก็บส่วยรถตู้รับส่งนักเรียนให้ช่วยหยุดเก็บส่วยด้วย เพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระของเจ้าของรถ และส่งผลถึงพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กนักเรียนตัวน้อยๆ จะได้จ่ายค่ารถถูกลงมาอีก.